มทภ.2 สั่งจัดระเบียบนักท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธม หารือ  "พล.ต.เนี๊ยะ" ได้ข้อยุติ  3 ประการ เรียกร้องผู้นำกัมพูชา ตำหนิหญิงกัมพูชา และขอโทษทหารไทยถูกผลักอกล้ม ลั่น ไทยดำเนินคดีอดีตทหารพรานตามกฎหมายแล้ว

วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ภายหลังเกิดเหตุความวุ่นวาย ที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ จากกรณีที่ผู้หญิงชาวกัมพูชา เข้ามาด่าทอทหารไทย ในเขตพื้นที่ของไทยวานนี้(15 ก.ค.)

ล่าสุด พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการ ให้มีการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเหมือนธม เพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย ป้องกันกลุ่มคนไม่หวังดี 

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.อ.บุญเสริม  บุญบำรุง รอง ผบ.กกล.สุรนารี ได้หารือร่วม พล.ต.เนี๊ยะ  วงค์ ผบ.พลน้อย ร.42 เพื่อพบปะหารือ ณ ปราสาทตาเมือนธม โดยมีสรุปผลการพบปะดังนี้

1.หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น หากเป็นนักท่องเที่ยวไทย ขอให้ฝ่ายกัมพูชาแจ้งกับฝ่ายไทยเพื่อนำนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ เช่นเดียวกันหากนักท่องเที่ยวกัมพูชา ก่อปัญหา ขอให้ฝ่ายไทยแจ้ง ฝ่าย กัมพูชาเพื่อให้ฝ่ายกัมพูชา นำตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่

2.หากมีปัญหาในพื้นที่ การแก้ปัญหาให้ชุดประสานงานในพื้นที่ ที่อยู่ 7 คน เป็นผู้แก้ปัญหา ไม่ต้องเรียกกำลังชุดอื่นมาเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย

3. ขอให้ทั้งสองฝ่ายมีการคัดกรองนักท่องเที่ยวก่อนขึ้นมาบนปราสาทตาเมือนธม

ด้าน พลโทบุญสิน เปิดเผยว่า  ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ได้หารือมีการจัดระเบียบท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธมใหม่ โดยได้ข้อตกลงร่วมกันว่า ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ไม่ให้ทหารกองหนุนซึ่งเป็นหน่วยรบ เข้ามาในพื้นที่เด็ดขาดให้เป็นหน้าที่ของชุดประสานงานชายแดนทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ดำเนินการ  

"หากพบว่านักท่องเที่ยวฝ่ายไหน เป็นฝ่ายก่อเหตุ ก็ให้ฝ่ายนั้น นำตัวออกไปจากพื้นที่ เพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุชุลมุนเหมือนเมื่อวาน ที่มีหน่วยกำลังรบทั้งไทยและกัมพูชา มะรุมมะตุ้มกัน" มทภ.2 กล่าวและย้ำว่า

สำหรับกรณี พล.อ. เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เรียกร้องให้มีการขอโทษ กรณีอดีตทหารพรานชกหน้าทหารกัมพูชานั้น ทางการไทยได้มีการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุไปแล้ว และเจ้าตัวรับทราบข้อหาแล้ว

"ผู้นำกัมพูชาก็ควรขอโทษ และควรตำหนินักท่องเที่ยวหญิงกัมพูชา ที่มาสร้างความวุ่นวาย และชี้หน้าด่าทอทหารไทยในเขตประเทศไทย รวมถึงดำเนินการกรณีที่ทหารกัมพูชา ผลักอกทหารไทยจนล้มเช่นเดียวกัน" มทภ.2 กล่าว