ศาลไต่สวนแพทย์ตร.ปมชั้น14
ยันยึดจรรยาบรรณรักษา‘แม้ว’
ศาลฎีกาฯ ไต่สวนพยาน คดีบังคับโทษทักษิณ คณะแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจยันให้การรักษาตามจรรยาบรรณ ไม่ทราบเรื่องกระบวนการส่งตัวกลับเรือนจำ ด้าน “ชาญชัย”โชว์ใบเสร็จ 2.47 ล้านค่าพักรักษาตัวชั้น 14 ไร้ค่ายา กลับอ้างว่าป่วยวิกฤติ
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 18 กรกฎาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.ราชดำเนินใน ศาลนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 กรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 4
เป็นการไต่สวนพยานกลุ่มแพทย์ของรพ.ตำรวจจำนวน 6 ปาก โดยช่วงเช้าศาลไต่สวนพยานได้แก่ พล.ต.ท. โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร.2 อดีตนายแพทย์ใหญ รพ.ตำรวจ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่ (สบ 8) อดีตรองแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ และพ.ต.อ.ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ. 5) แพทย์เจ้าของไข้ ที่รับตัวนายทักษิณคืนวันื่ 22 สิงหาคม 66
พยานปากแรก พล.ต.ท.นพ.โสภณรัตน์ อดีตแพทย์ใหญ่และพล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจเบิกความว่าบีเวณห้องพักชั้น 14 มีผู้ป่วยมาพักก่อนหน้าอยู่แล้ว เพราะเป็นช่วงที่โรงพยาบาลทำการกักตัวผู้ป่วยโควิด ทำให้ต้องใช้ห้องพักผู้ป่วยทุกห้อง
ส่วน พ.ต.อ.นพ.ชนะ จงโชคดีพยานรายที่ 3 แพทย์เวร ผู้รับตัวนายทักษิณ ผู้ทำการรักษาเบิกความถึงอาการในช่วงเข้ารับการรักษาของนายทักษิณ โดยพยานได้โทรปรึกษาเกี่ยวกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคหัวใจด้วย โดยระหว่างการรักษาตัว นายทักษิณมีอาการป่วยด้วยโรคอื่น โดยแพทย์แนะนำให้ผ่าตัด แต่นายทักษิณปฏิเสธการผ่าตัด
ทั้งนี้ แพทย์ยืนยันว่าให้การรักษาตามจรรยาบรรณของแพทย์ ไม่รู้เกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับการส่งตัวหรือการส่งกลับผู้ป่วยที่มาจากเรือนจำ โดยวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 67 นายทักษิณออกจากรพ.ตนก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากกรมราชทัณฑ์ ส่วนนายทักษิณ มีอาการป่วยบางช่วง ตนก็คิดว่าน่าจะกลับไปรักษาที่รพ.ราชทัณฑ์
ต่อมาเวลา 13.30 น. ศาลไต่สวน พล.ต.ต.นพ.สามารถ ม่วงศิริ รองแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ แพทย์ออโธปิดิกส์ เบิกความพยานรายที่ 4 ผู้ช่วยการผ่าตัดอาการบาดเจ็บของจำเลย และควบคุมดูแลการพักรักษาหลังการผ่าตัด โดยจำเลยได้รับบาดเจ็บเอ็นหัวไหล่ขวาขาดระหว่างพักรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ และสอบถามเกี่ยวกับประเด็นใบรับรองของแพทย์เนื่องจากตามหลักฐานที่ศาลมี พยานรายดังกล่าวเป็นผู้ลงชื่อในใบรับรองแพทย์ของจำเลย ซึ่งพยานให้การต่อศาลยืนยันในสองส่วนคือ ใบรับรองแพทย์เป็นการใส่รายละเอียดการป่วยโดยทั่วไปของจำเลยตามจริงเท่านั้น รวมทั้งไม่ทราบว่าใบรับรองแพทย์ดังกล่าวที่มีลายเซ็นตนเองราชทัณฑ์นำไปใช้เพื่อการใด
สำหรับพยานรายที่ 5 พล.ต.ต. ศุภฤกษ์ พัฒนปรีชากุล นายแพทย์ (สบ 7อายุรกรรมเชี่ยวชาญด้านหัวใจ รพ.ตำรวจ ได้เบิกความว่าได้ดูแล และ ให้คำปรึกษาจำเลยที่เกี่ยวกับโรคประจำตัวเดิมที่มีประวัติการรักษาจากต่างประเทศ และ ดูแลอาการเจ็บป่วยที่เป็นสาเหตุของการส่งตัวมารักษาที่รพ.ตำรวจในวันที่ 23 สิงหาคม66 และให้คำปรึกษาอีกครั้งถึงความเสี่ยงระดับกลางของจำเลยที่อาจส่งผลต่อโรคประจำตัวในตอนที่เข้ารับการผ่าตัดอาการบาดเจ็บ พร้อมทั้งให้ความเห็นต่อศาลถึงความจำเป็นในการพักรักษาตัวต่อที่รพ.ตำรวจและให้ข้อสังเกตต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคของจำเลยต่อศาล
ส่วนพยานรายที่ 6 พล.ต.ท.นพ.สุรพล เกษประยูร อดีตนาแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ซึ่งเป็นแพทย์ลงมือผ่าตัดเอ็นหัวไหล่ขาดนายทักษิณ เบิกความยืนยันว่าการตรวจรักษานายทักษิณตั้งแต่การผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขาด หากไม่มีอาหารแทรกซ้อนก็จะส่งตัวกลับรพ.ราชทัณฑ์ได้หลังจาก 7 วัน แต่ตัวนายทักษิณเป็นผู้มี่มีอาการแทรกซ้อน จึงมีเหตุต้องให้รักษาตัวต่อที่รพ.ตำรวจ นอกจากนี้พยานยังได้ยื่นเอกสารการรักษาตัวของนายทักษิณให้องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาด้วย
ศาลมีคำสั่งเลื่อนไปไต่สวนพยานบุคคลต่อในวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. โดยเป็นนำแพทย์จากแพทยสภาเข้ามาเบิกความจำนวน 3 ปาก และอนุญาตให้จำเลยนำศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าไต่สวนนัดสุดท้ายวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ เวลา 09.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้าห้องพิจารณา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำใบเสร็จการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 มาแสดงต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นใบเสร็จการรักษาตัวของนายทักษิณตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 66 ถึง 19 กุมภาพันธ์ 67 รวม 26 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 2,475,276 บาทซึ่งผู้บังคับบัญชาของตำรวจได้สั่งให้ รพ.ตำรวจรายงานว่ากรณีนายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวใช้สิทธิประเภทใด ค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ต้องขังเป็นจำนวนเงินเท่าใด ผู้ใดเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งขอเอกสารการใช้สิทธิที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด
นายชาญชัย กล่าวว่า นายทักษิณย้ายจากราชทัณฑ์ไปโรงพยาบาลตำรวจในวันที่ 23 สิงหาคม 66 แต่มีการเก็บเงินในวันที่ 4 กันยายน 66 เป็นครั้งแรกซึ่งมีการเก็บค่าสารอาหารทางเส้นเลือด 150 บาท นอกนั้นจะเป็นค่าตรวจวินิจฉัยและค่าบริการทางพยาบาล และค่าห้องราว 140,000 บาท ไม่มีค่ายา แต่กลับอ้างว่าป่วยวิกฤติ
นายชาญชัย ยืนยันว่าใบเสร็จนี้ ไม่ใช่เวชระเบียน เป็นสิ่งที่เปิดเผยได้ ตนเองท้าให้มาตรวจสอบ เพราะใบเสร็จนี้เป็นของจริง ซึ่งหากดูตามใบเสร็จจะพบว่าไม่มีอาการของโรคที่จะต้องรักษาด้วยยาเลย หากดูในใบเสร็จในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 67 จะพบว่ามีค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค 11,461บาท ค่าเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา 47,324 บาท ค่าห้องและค่าอาหาร 57,350 บาทซึ่งหลังจากนั้น 7 วันก็ออกไปเดินฉุยๆ ได้แล้ว
ส่วนเอกสารและใบเสร็จเหล่านี้ ตนเองได้มาโดยชอบและกฎหมาย และข้อมูลทั้งหมดจะส่งให้ศาลอีกครั้งในวันที่ 25 ก.ค.นี้
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวก่อนเข้าร่วมฟังการไต่สวนคดีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีของนายทักษิณ ที่พักรักษาตัวบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า นี่เป็นครั้งที่ 5 ที่ศาลนัดไต่สวน ตนขอพูดสั้นๆ ว่าคนที่วิกฤตกว่านายทักษิณคือพยาน ที่ให้การไม่ตรงความจริง ใครที่ให้การเท็จไว้หรือมีการลงมติและอนุมัติไม่ตรงความจริง ความก็จะปรากฏในที่สุด ซึ่งแม้แต่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมที่เป็นผู้อนุมัติการพักโทษ ก็ปรากฎแล้วว่านายทักษิณไม่มีสภาพทรุดโทรม ตามคะแนนกรมอนามัยของผู้สูงอายุจริง
“ใครที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 66 จนถึง 18 กุมภาพันธ์ 67 ถ้าเกิดให้การไว้ไม่ตรงข้อเท็จจริงกับศาล และอนุมัติอะไรไว้ไม่ถูกต้อง น่าจะต้องถูกลงโทษถึงที่สุด” นพ.ตุลย์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี