ปภ.เตือน43จว.
รับมือพายุวิภา
ขึ้นฝั่งเวียดนาม
ฟาดหางถึงไทย
อุตุฯเตือนไทยเตรียมรับมือผลกระทบจากพายุโซนร้อน “วิภา” ที่กำลังเคลื่อนตัวในทะเลจีนใต้ตอนบนมุ่งหน้าขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน ชี้แม้พายุจะไม่เข้าสู่ไทยโดยตรงแต่จะส่งอิทธิพลให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก หลายพื้นที่ตั้งแต่ 22-24 ก.ค.นี้โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลางด้านตะวันตก เสี่ยงต่อน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ด้าน ปภ.เตือน 43 จังหวัดเสี่ยงสูง เน้นย้ำเตรียมพร้อม
วันที่ 19 ก.ค.68 นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 5 เตือนประชาชนถึงสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ระหว่างวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568 นี้
ประกาศดังกล่าวระบุว่า ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจาก ร่องมรสุม ที่พาดผ่านภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
กรมอุตุนิยมวิทยาจึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจนำไปสู่น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรเพิ่มความระมัดระวังและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
สำหรับอิทธิพลของพายุ “วิภา” ที่กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและคาดว่าจะขึ้นฝั่งเวียดนามในไม่กี่วันนี้ จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้นอย่างมากในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม ซึ่งจะยิ่งเสริมให้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรก ๆ ประชาชนควรเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องที่อาจกินเวลานานถึง 6 วัน ระหว่างวันที่ 19-26 กรกฎาคม ในบางพื้นที่
นอกจากนี้ ผลจากมรสุมที่แรงขึ้นจะทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร จึงขอให้ชาวเรือและเรือเล็ก งดออกจากฝั่ง ในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อความปลอดภัย
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ยกระดับการเตือนภัย โดยแจ้งเตือน 43 จังหวัด ทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรงในทะเลช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่คาดว่าอิทธิพลของพายุและมรสุมจะรุนแรงที่สุด
นอกจากนี้ ปภ. ยังได้เน้นย้ำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ ด้วยการติดตามข่าวสารจากทางการอย่างใกล้ชิด เตรียมหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน วางแผนเส้นทางอพยพ เตรียมอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง พร้อมทั้งปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนออกจากบ้าน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ด้านนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เตือนประชาชนในพื้นที่ให้เตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงระหว่างวันที่ 19-24 ก.ค.68 ตามประกาศกรมอุตุฯและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เนื่องจากร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น เนื่องจากจังหวัดกาญจนบุรีเป็นหนึ่งในพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะอำเภอสังขละบุรี และอำเภอทองผาภูมิ มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี ยังได้สั่งการให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกระดับเร่งติดตามสถานการณ์ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้ใกล้ชิด ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมกำลังพล วัสดุอุปกรณ์ และยานพาหนะให้พร้อมช่วยเหลือประชาชน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความเสี่ยง เช่น ถ้ำ หรือน้ำตก ให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ปิดกั้นพื้นที่และห้ามเข้าโดยเด็ดขาด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกระดับและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมพร้อมปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัย รวมถึงการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของเรือ แพ โป๊ะเรือ และจุดเสี่ยงริมแม่น้ำ หากเกิดสถานการณ์สาธารณภัยขึ้นในพื้นที่ ให้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที และแจ้งให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรีทราบโดยด่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี