วันอาทิตย์ ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
'นฤมล'พร้อมสู้ขออัตรากำลังเพิ่ม โอดไม่ได้เบ็ดเสร็จที่'ศธ.' ขอหารือ'ก.พ.-นายกฯ'

'นฤมล'พร้อมสู้ขออัตรากำลังเพิ่ม โอดไม่ได้เบ็ดเสร็จที่'ศธ.' ขอหารือ'ก.พ.-นายกฯ'

วันอาทิตย์ ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 16.16 น.
Tag : กระทรวงศึกษาธิการ การเมืองวันนี้ นฤมล แนวหน้าออนไลน์ พรรคกล้าธรรม
  •  

"นฤมล"พร้อมสู้ขออัตรากำลังเพิ่ม โอดไม่ได้เบ็ดเสร็จที่"ศธ." ขอหารือ"ก.พ.-นายกฯ" พร้อมหนุนแยกประเมินวิทยฐานะกลุ่มประถมฯ มัธยมฯ อาชีวะ

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2568 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วยผู้บริหาร ศธ.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา ที่โรงเรียนสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานในสังกัด ศธ.โดยมี นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายเกรียงไกร แก้วมีศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนสุราษฎร์ธานี ผู้บริการการศึกษา คณะครู นักเรียน ให้การต้อนรับ


โดย นางนฤมล กล่าวว่า ที่ผ่านมาเวลามาลงพื้นที่แต่ละองค์กรหลักของ ศธ.จะไม่ได้มาด้วยกัน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกๆที่ทุกหน่วยงานมาลงพื้นที่พร้อมกัน เพราะเชื่อว่าหากจะทำงานให้สัมฤทธิ์ผลได้ ต้องมีความประสานเชื่อมโยงกันภายในกระทรวงก่อนที่จะไปบูรณาการร่วมกับกระทรวงอื่นๆ ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นครอบครัวศึกษา เพราะเมื่อเป็นพี่เป็นน้องแล้ว จะทำให้การทำงานง่ายขึ้น

"ส่วนดิฉันเอง ก็ไม่ต้องเรียกท่าน เป็นหัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ) คนในพรรคก็เรียก อาจารย์แหม่มๆ อยู่ที่กระทรวงก็อยากให้เรียกอะไรก็ได้ที่สบายใจ อาจารย์แหม่มก็ได้ พี่แหม่มก็ได้ การลงพื้นที่ครั้งนี้ ก็อยากมาฟังเรื่องที่เป็นความทุกข์ร้อนของพี่น้องครูและนักเรียนในพื้นที่ ว่าต้องการอะไร อยากให้ผู้บริหารกระทรวงเข้ามาช่วยสนับสนุนขับเคลื่อนในเรื่องใดได้อีก เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ทุกคน" รมว.ศธ.กล่าว

นางนฤมล กล่าวต่อว่า จากการรับฟังปัญหา พบว่ามีทั้งเรื่องการจัดสรรอัตรากำลังคน การจัดสรรงบประมาณ ที่ยังไม่เพียงพอ ซึ่งเรื่องอัตรากำลัง ไม่ได้เบ็ดเสร็จที่ ศธ.เพราะต้องขึ้นอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และแผนยุทธศาสตร์รัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร เราก็พยายามต่อสู้ เพื่อให้ได้อัตรากำลังเพิ่ม รวมทั้งอัตรากำลังของสายสนับสนุน เพื่อให้ครูใช้เวลาหลักในการดูแลนักเรียน หัวใจครูควรจะอยู่กับนักเรียนและงานวิชาการ ที่จะเพิ่มวิทยฐานะ ความรู้ความเชี่ยวชาญให้ตัวเอง และพัฒนาโรงเรียน ไม่ใช่ไปทำงานสนับสนุนอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่แค่เพิ่มภาระ แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงและจากการรับฟังปัญหา ก็พบว่ามีครูในโรงเรียนต่างๆ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูล ทำให้เกิดปัญหาในชีวิต เรื่องนี้ต้องแก้ไขจัดคนให้ครบ ถ้าเรื่องใดทำได้ในกระทรวง ก็ทำก่อน แต่ถ้าต้องไปขออัตรากำลังเพิ่ม ก็ต้องสู้ ตนในฐานะฝ่ายการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ก็ต้องคุยกับนายกรัฐมนตรี คุยกับ สำนักงาน ก.พ.ว่าจำเป็นต้องขยับ จะเพิ่มให้เท่าไร ปีละเล็กน้อยเท่าไรก็ได้ แต่ขอให้ได้เพิ่ม ส่วนภายในกระทรวงที่ทำเตรียมไว้แล้ว วันที่ 31 กรกฎาคม นี้ นายธนู ขวัญเดช เลขาธิการ ก.ค.ศ.จะเกลี่ยครูเกินเกณฑ์ กว่า 600 อัตรา มาจัดสรรเป็นอัตราสายสนับสนุน เริ่มต้นที่โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยก่อน ลำดับถัดไปจะมีอีกกว่า 2,000 อัตรา ซึ่งก็ต้องมาดูว่าควรจะจัดสรรไปที่ไหนอย่างไรบ้าง ที่จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระครูได้

"ส่วนเรื่องการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เพียงพอ ก็สู้กันอยู่ในสภาฯ ขอร้องกันว่าอย่าให้ตัดงบ ศธ.เพราะถูกตัดทุกปี และหวังว่าปีนี้จะได้เพิ่ม ส่วนตัวของดิฉันเองเป็นฝ่ายการเมืองเรามาแล้วก็ไป แต่ทุกคนเป็นข้าราชการประจำที่จะอยู่กับกระทรวง อยู่กับเด็กๆ อยู่กับการศึกษาไทยไปอีกนาน ก็หวังว่าทุกคนจะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน ดังนั้น จึงไม่อยากที่จะเข้ามากำหนดนโยบาย แต่ต้องฟังจากผู้ที่อยู่ในองค์กร เพื่อให้แผนและนโยบายออกมาจากบุคลากรในองค์กรเองว่าอยากเห็นองค์กรขับเคลื่อนไปในทิศทางใด ซึ่งผู้บริหารกระทรวงก็รับจะนำแต่ละพื้นที่ไปตกผลึก เพราะแต่ละหน่วยงานก็มีปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่แตกต่างกัน แต่โดยส่วนตัวมีเป้าหมายทางการเมืองที่เข้ามา หวังว่าการศึกษาจะช่วยลดความขัดแย้งในสังคมไทย ขอฝากครูและผู้บริหารช่วยส่งเสริมและเพิ่มเติมการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้ชัดเจนขึ้น

ส่วนเรื่องการลดภาระครู และการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ เพื่อลดปัญหาด้านเศรษฐกิจ เพราะวิทยฐานะนอกจากจะเป็นตำแหน่งที่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจในวิชาชีพแล้ว ยังทำให้มีรายได้เพิ่มช่วยลดค่าของชีพครู ซึ่งได้คุยกับเลขาธิการ ก.ค.ศ.ว่า  หลักเกณฑ์ที่ผ่านมาก็เป็นหลักเกณฑ์ที่ดี แต่อาจจะต้องปรับให้ตอบโจทย์ผู้ที่ถูกประเมิน สร้างแรงจูงใจ ให้ทุกคน ในการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ ทั้งนี้ การศึกษาแต่ละองค์กร ก็มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่ต้องถูกประเมินไม่เหมือนกัน ทั้งประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา การศึกษานอกระบบของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) การศึกษาพิเศษ ฯลฯ ดังนั้น จึงให้ไปดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะแยกหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะในแต่ละรูปแบบ เพื่อที่ครูจะได้โฟกัสในสิ่งที่ต้องไปพัฒนาวิทยฐานะ และพัฒนาเด็กให้ตรงกับเรื่องที่ต้องประเมิน ถ้าใช้หลักเกณฑ์กลางมาประเมินทั้งหมด มันก็ไม่เกี่ยวกับงานที่ครูทำอยู่ และถ้าสามารถแยกวิทยฐานะแต่ละประเภทได้ ก็อยากให้มีผู้ประเมินที่เข้าใจบริบทการทำงาน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ อย่างเช่น ตนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หากต้องประเมินครูประถม ก็คิดว่าทำได้ไม่ดี เพราะถูกฝึกมาคนละอย่าง หากเราไปประเมินในสิ่งที่เราขาดประสบการณ์ ก็อาจจะไม่สอดคล้อง จึงขอฝากเป็นข้อคิดในการดำเนินการเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน" นางนฤมล กล่าว

รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องสุดท้าย ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ไปดูเรื่องการเพิ่มสวัสดิการและเร่งวางแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ซึ่งตัวเลขปัจจุบันมีอยู่กว่า 1.4 ล้านล้านบาท โดยในสัปดาห์หน้านี้จะมาตกผลึกโครงการที่ช่วยแก้ปัญหาหนี้สินครู ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับการเพิ่มสวัสดิการ

ด้าน นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวถึงนโยบายแยกวิชาประวัติศาสตร์และวิชาหน้าที่พลเมืองเป็นอีกรายวิชาเฉพาะของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศธ.ว่า ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีการดำเนินการจัดทำหลักสูตรอยู่แล้วและจะทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น โดยได้มอบหมายให้ ดร.สุรพงษ์ เอิมอุทัย ผู้ช่วยเลขาธิการ กอศ.ที่ดูแลเรื่องการพัฒนาหลักสูตรไปจัดทำรายวิชาให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองในบริบทของอาชีวศึกษา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาอาชีวศึกษาก็มีการจัดกิจกรรมคู่ขนานในวิชาหน้าที่พลเมืองอยู่แล้ว เช่น Fix it จิตอาสา อาชีวะอาสาช่วยประชาชน ซึ่งเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในการให้เด็กมีจิตสำนึกในการช่วยเหลือสังคม ดังนั้น การที่รมว.ศธ.มีนโยบายที่ชัดเจนออกมาเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สอศ.จะได้ไปทำหลักสูตรขึ้นมารองรับ

เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการลดภาระครู จริงๆ แล้วอาชีวะมีปัญหาขาดแคลนอัตราครูเกือบ 17,000 ตำแหน่ง ซึ่ง สอศ.ได้ขออัตราจาก กพร.และงบประมาณรายปีในส่วนของอัตราจ้างงานธุรการในสถานศึกษาไปแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ โดยปีนึงขอไป 800 กว่าอัตรา และส่วนที่เป็นครูอีกประมาณ 1,000 อัตรา ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอ ทั้งนี้ สอศ.มีอัตราบุคลากรทางการศึกษาอื่น มาตรา 38 ค(2) ในตำแหน่งธุรการ เจ้าหน้าที่พัสดุ เจ้าหน้าที่การเงินอยู่ในโรงเรียนอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีปัญหาในการเกลี่ยอัตรากำลัง อีกทั้ง ครูส่วนใหญ่ของเราจบทางด้านบริหารธุรกิจ ซึ่งส่วนหนึ่งก็มีความรู้ที่จะช่วยงานธุรการได้ แต่เมื่อ รมว.ศธ.มีนโยบายลดภาระครูก็จะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในขณะที่เรากำลังเกิดวิกฤติขาดแคลนอัตรากำลังของครูได้ เพื่อให้ครูได้มีเวลากับการสอนเต็มที่ ถือเป็นการแก้วิกฤตเป็นโอกาส

นายยศพล กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องวิทยฐานะจะต้องประสานงานกับสำนักงาน ก ค.ศ.เนื่องจากในบริบทของอาชีวะเดิมจะสอนระดับ ปวช. , ปวส.แต่ปัจจุบันมีถึงระดับปริญญาตรีแล้ว เพราะฉะนั้นอัตรากำลังขาดแต่ในตัวเนื้องานที่มีการปรับเปลี่ยน เพราะครูอาชีวะมีคุณสมบัติสามารถปรับมาตรฐานตำแหน่งเพื่อให้สอนได้ถึงปริญญาตรี ขณะเดียวกันปริญญาตรีก็สอนได้ทั้งปริญญาตรี ปวส.และ ปวช.แล้วเอาภาระงานเหล่านี้มาขอความก้าวหน้าได้ เช่น ถ้าสอน ปวช. , ปวส. , ปริญญาตรี และเป็นครูที่มีวิทยฐานะอยู่ก็สามารถเอาไปขอเลื่อนฐานะได้ ขณะเดียวกันถ้าสอนปริญญาตรี , ปวส. , ปวช.อยู่ ก็สามารถขอเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ ผศ. , รศ.ได้ แต่เรื่องนี้จะต้องประสานกับ ก.ค.ศ.โดยต้องเน้นเรื่องของปริมาณและคุณภาพของงานด้วย ทั้งนี้ เราพยามจะปรับมาตรฐานตำแหน่ง มาตรฐานงานวิชาการ มาตรฐานวิทยฐานะ เพื่อให้สามารถเลื่อนไหลได้ทั้งในส่วนของวิทยฐานะกับตำแหน่งทางวิชาการ

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ปลัดศธ.แจงรมว.ศธ.ให้ใส่ชุดไปรเวทได้ในวันหยุด ปลัดศธ.แจงรมว.ศธ.ให้ใส่ชุดไปรเวทได้ในวันหยุด
  • \'นฤมล\'เผยเตรียมแถลงแผนลดภาระครู–แก้หนี้ครูสัปดาห์หน้า 'นฤมล'เผยเตรียมแถลงแผนลดภาระครู–แก้หนี้ครูสัปดาห์หน้า
  • ยกระดับ\'ระบบแนะแนว สกร.กลไกสร้างพลังชีวิต\' ยกระดับ'ระบบแนะแนว สกร.กลไกสร้างพลังชีวิต'
  • \'สกร.\'พัฒนาอาชีพชุมชนจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ 'สกร.'พัฒนาอาชีพชุมชนจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์
  • \'ปชป.\'จุดไฟฝันการศึกษาไทย กับโครงการ\'พระแม่พาติว Season 2\' 'ปชป.'จุดไฟฝันการศึกษาไทย กับโครงการ'พระแม่พาติว Season 2'
  • ‘นฤมล’แบ่งงาน 2 รมช.ศึกษาธิการแล้ว ‘นฤมล’แบ่งงาน 2 รมช.ศึกษาธิการแล้ว
  •  

Breaking News

ง้างปาก'จักรภพ' 'วัชระ'บี้ตอบด่วน! ปม'ฮุนเซน'ส่งอาวุธสงครามให้'เสื้อแดง'

คลื่นแรง! ซัดหนุ่มจีนดิ่งทะเลลันตา สังเวยชีวิตต่อหน้าเพื่อน

'กต.'ประณาม'เขมร' วาง'ทุ่นระเบิด'ละเมิด กม.อย่างร้ายแรง

(คลิป) วิเคราะห์!เรื่องร้อนสองพ่อลูก-ต้นตอปัญหาไทย-เขมร-อุ๊งอิ๊งค์เกาะเก้าอี้ให้นานที่สุด

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved