‘เจ้าคณะนครสวรรค์’สึกแล้ว
พัวพัน‘สีกาฉาว’
หลักฐานชัดผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรง
ตะลึงอยู่กินกันมานานถึง15ปี
พบทรัพย์สินฝ่ายหญิงเพียบ
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผย “พระธรรมวชิรธีรคุณ”เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ยอมลาสิกขากลางดึก เหตุตกเป็นข่าวสร้างความเสื่อมเสียคณะสงฆ์ ขณะที่วัดนครสวรรค์แจงการลาออกเป็นเหตุผลส่วนตัว ยืนยันบริหารการเงินโปร่งใส พร้อมให้ความร่วมมือตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม พบหลักฐานชัด เจ้าคณะดัง ขาดจากพระ สวมวิกผม ยืนกอดสีกาเซลฟี่รูปคู่ ย้ำสัมพันธ์ฉาว ตร.เร่งเช็กเส้นเงิน จ่อขยายผลเอาผิด คดีทุจริต
เมื่อวันที่ 20กรกฎาคม2568 นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า พระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถวัดนครสวรรค์ เวลา 23.49 น กลางดึกคืนวันที่ 19 ก.ค. โดยก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา พระธรรมวชิรธีรคุณ ได้ทำหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ระบุว่า ได้อาพาธและสุขภาพไม่อำนวย เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติศาสนกิจของสงฆ์ และปฏิบัติหน้าที่พระสังฆาธิการ อีกทั้งได้ตกเป็นข่าวด้านลบทางสื่อสารมวลชน ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงขอลาออกจากตำแหน่งเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อคณะสงฆ์โดยรวมต่อไป ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.2568 เป็นต้นไป
ก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ต่อทันที
ด้านนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.พศ. กล่าวว่า การลาสิกขาของพระธรรมวชิรธีรคุณ เป็นการดำเนินการของคณะสงฆ์ ทันทีที่ทราบเรื่อง ส่วนในเรื่องคดีความกรณีการสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ (พศจ.นครสวรรค์) แจ้งว่า ได้รับข้อมูลจากทางวัดนครสวรรค์ ว่า การก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ที่เกิดความล่าช้า เนื่องจากติดปัญหาในเรื่องคดีความกับทางผู้รับเหมา แต่หลังจากที่ทางวัดชนะคดีแล้ว ก็ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ต่อทันที
นำแนวทางจัดทรัพย์สินวัดถกใน มส.
นายอินทพร กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของเรื่องการจัดระเบียบบัญชีทรัพย์สินของวัดนั้น ตามที่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) มีมติเรื่อง แนวปฏิบัติการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร การเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของวัด และแนวทางการจัดทำบัญชีรายรับ บัญชีรายจ่าย รายงานเงินคงเหลือของวัด หรือระบบบัญชีมาตรฐานของวัด ทั้งให้ดำเนินการตามกฎกระทรวง การดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด พ.ศ.2564 โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 เป็นต้นไปนั้น ในการประชุมมส. วันจันทร์ที่ 21ก.ค.นี้ จะมีการนำแนวทางในการเพิ่มความเข้มงวดในการจัดการบัญชีทรัพย์สินวัด เพิ่มบทบาทหน้าที่ พศ.เข้าไปร่วมดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น เข้าหารือด้วย เพื่อให้ มส. พิจารณาต่อไป
วัดแจงการลาออกเป็นเรื่องส่วนตัว
วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง การลาออกจากตำแหน่ง และการลาสิกขา ของพระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และอดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เนื่องจากมีข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับพระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และอดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง แพร่หลายในสื่อต่างๆ คณะผู้บริหารวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนดังนี้ 1.เรื่องการลาออกจากตำแหน่งและการลาสิกขา พระธรรมวชิรธีรคุณได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง รวมทั้งมีความประสงค์จะลาสิกขา โดยการตัดสินใจดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ท่านจึงขอเสียสละเพื่อความเรียบร้อยดีงามในพระพุทธศาสนา เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์
โต้ข้อกล่าวหาใช้เงินไม่โปร่งใส
2.เรื่องข้อกล่าวหาเรื่องการเงิน เกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการใช้เงินอย่างไม่โปร่งใส วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง ขอชี้แจงว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากพระธรรมวชิรธีรคุณ ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ จึงมีตำแหน่งเป็นประธานโครงการก่อสร้างพุทธอุทยานอีกตำแหน่งหนึ่ง โดยมีข้อเท็จจริงดังนี้การดำเนินงานก่อสร้างทุกโครงการในพุทธอุทยานนครสวรรค์ได้กระทำในรูปแบบคณะกรรมการ โดยมีคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ร่วมกันในการบริหารจัดการและก่อสร้าง มีการทำเอกสารหลักฐานการเงินและการจัดทำบัญชีที่สามามารถตรวจสอบได้การก่อสร้างมีการโกงเงินตามที่เป็นคดีความ ทางพุทธอุทยานนครสวรรค์ได้ฟ้องร้องและชนะคดีความ โดยผู้ที่โกงเงินไปยังหลบหนีหมายจับและไม่ใช้หนี้ตามคำพิพากษาให้กับโครงการก่อสร้าง จึงเป็นเหตุให้การก่อสร้างล่าช้า
พร้อมให้ความร่วมมือสอบข้อเท็จจริง
วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง ยืนยันความโปร่งใสในการบริหารจัดการ และพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการที่ถูกต้อง เพื่อคลี่คลายข้อข้องใจและรักษาเกียรติภูมิของพระพุทธศาสนาทั้งนี้ ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนได้ใช้วิจารณญาณในการรับหรือเสนอข่าวสาร และขอความกรุณาไม่นำเสนอข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อพระพุทธศาสนา และวัดนครสวรค์ พระอารามหลวง ขอให้ช่วยกันปกป้องรักษา เชิดชูพระสัทธรรมคำสอนอันเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธบริษัทสืบไป
หลักฐานบ่งชี้ผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลพยานหลักฐานตามที่มีผู้ร้องเรียนส่งมายังศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เกี่ยวกับพฤติกรรมสัมพันธ์ฉาวระหว่างอดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ หรือทิดสฤษดิ์ กับเศรษฐีนีสาวใหญ่นั้น จากการตรวจสอบพบข้อมูลสำคัญที่เชื่อได้ว่านอกเหนือจากผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรงแล้วนั้น ทิดสฤษดิ์อาจกระทำผิดคดีอาญาในเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตเงินของวัดด้วย
ทั้งนี้ จากหลักฐานดังกล่าวเป็นแชตข้อความสนทนาระหว่าง ทิดสฤษดิ์ กับเศรษฐีนีคนดังกล่าว ที่เชื่อว่าคบหาอยู่กินฉันสามีภรรยามานานกว่า 15 ปี เนื้อหาใจความของแชทสนทนามีการระบุข้อความบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง เช่น เรื่องการขอจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าแอคคอร์ด ให้กับเศรษฐีนีคนดังกล่าวด้วย โดยจากข้อมูลของการสืบสวนที่พบว่า อดีตเจ้าคณะอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการก่อสร้างพุทธอุทยาน ซึ่งดำเนินการมากว่า 10 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ จนกระทั่งหลวงพ่อพัฒน์ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน เกจิดังนครสวรรค์ เข้ามาช่วยบริหารจัดการต่อในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งสามารถดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในที่สุด
เปิดข้อมูลทรัพย์สินศรษฐีนี
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบข้อมูลทรัพย์สินส่วนตัวของเศรษฐีนีคนดังเมืองนครสวรรค์ ที่เชื่อว่ามีสัมพันธ์ฉาวกับอดีตเจ้าคณะนั้น จากการตรวจสอบพบว่า บ้านหลังใหญ่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 2 หลังรถเก๋งฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ดไฮบริด สีขาว 1คัน รถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว1คัน รถกระบะโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ สีดำ 1 คันสร้อยคอทองคำ สร้อยเพชร แหวนเพชรอีกหลายรายการที่ดินในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย อีก 1 แปลง ซึ่งปัจจุบันทราบว่าที่ดินผืนดังกล่าวมีการยกให้กับหมอดูชื่อดังรายหนึ่งที่ จ.ลำพูน แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับรายการทรัพย์สินของเศรษฐีนีดังกล่าวนี้ยังเป็นเพียงแค่ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้รับในเบื้องต้น ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบอย่างละเอียด
พบภาพแต่งชุดฆราวาส-ใส่วิกอำพราง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า แม้พยานหลักฐานที่ผู้ร้องเรียนส่งมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่มีคลิปหรือภาพลับในลักษณะร่วมหลับนอนด้วยกัน แต่ก็มีบางภาพที่บ่งชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ที่ผิดวินัยสงฆ์ข้อร้ายแรง อาทิ ภาพหน้าจอโทรศัพท์มือถือขณะที่อดีตเจ้าคณะกำลังวิดีโอคอลพูดคุยกับเศรษฐีนีคนดังกล่าวในช่วงเวลากลางคืน รวมถึงภาพถ่ายคู่กันภายในห้องที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ซึ่งมีด้วยกันหลายภาพ
โดยภาพดังกล่าวเผยให้เห็นอดีตเจ้าคณะแต่งกายชุดฆราวาส สวมเสื้อคอปก ลายขวางสีเทาคาดชมพู และสวมใส่วิกผม อำพรางศีรษะให้เหมือนคนทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมีบางภาพที่ถูกบันทึกไว้ในขณะที่อดีตเจ้าคณะถอดเสื้อ สวมเพียงแค่วิกผม ส่วนตัวเศรษฐีนีนั้นกำลังยืนกอดคอ โดยที่ตัวเขานั้นสวมใส่เพียงเสื้อกล้ามสีขาว ซึ่งภาพเหล่านี้ถูกถ่ายหรือบันทึกไว้ในอดีตตั้งแต่ที่ทั้งคู่ยังมีอายุไม่มากนัก
พร้อมกันนี้ ยังมีภาพแชตลับนัดพบเจอกันของทั้งสองอีกด้วย ซึ่งภาพหลักฐานทั้งหมดอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นภาพจริง หรือว่าเป็นภาพตัดต่อ
ต้นเหตุข่าวกระฉ่อนเพราะปมหึงหวง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับมูลเหตุสำคัญที่นำมาสู่การเปิดโปงเรื่องฉาวนี้นั้น เนื่องจากในช่วง 1-2 ปีหลังมานี้ เศรษฐีนีคนดังกล่าวเริ่มจับได้ว่าอดีตเจ้าคณะไปติดพันสีการายใหม่ ทำให้เศรษฐีนีรายนี้ไม่พอใจ มักแสดงท่าทีออกอาการหึงหวงอย่างออกหน้าออกตา
รวมถึงนำเรื่องราวไปบอกเล่าให้กับผู้อื่นฟังด้วย จนทำให้คนรอบข้าง หรือชาวบ้านในพื้นที่เริ่มรับรู้ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของทั้งสอง จนกระทั่งนำมาสู่การร้องเรียนขอให้ตำรวจ บก.ปปป.และศูนย์ทะนุบำรุงพุทธศาสนา บช.ก.เข้ามาตรวจสอบดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี