ผบ.ตร.อยากพบครอบครัว'น้องเมย' เคลียร์ปมคู่กรณีเป็นตำรวจ

ผบ.ตร.อยากพบครอบครัว'น้องเมย' เคลียร์ปมคู่กรณีเป็นตำรวจ

วันพุธ ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 15.42 น.

ผบ.ตร. อยากเจอครอบครัวน้องเมยเคลียร์ใจ ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ

วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี ได้อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตอย่างปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 ซึ่ง 1 ในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลยปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน ว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาตินำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน ตนขอเวลาให้จเรตำรวจแห่งชาติได้ไปพิจารณาก่อน เพราะขณะนี้คู่กรณีเป็นตำรวจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแล้ว


ผู้สื่อข่าวถามว่าทางตำรวจจะประสานกับกองทัพไทยเพื่อนำข้อมูลของคู่กรณีรายนี้มาพิจารณาทางวินัยตำรวจหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปได้ ตนจะมอบให้จเรตำรวจแห่งชาตินำพยานหลักฐานต่างๆ เรื่องอาญาที่คาดว่าเป็นไปในระดับหนึ่งแล้ว ทางจเรตำรวจแห่งชาติจะต้องไปพิจารณาดูว่าจะดำเนินการได้ตามระเบียบคำสั่งขั้นตอนใดบ้าง อย่างไรบ้าง ซึ่งส่วนนี้จะประกอบกับที่ตนจะคุยกับพ่อและแม่ของน้องเมย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการคุยเรื่องรายละเอียดของพยานในคดี ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไปดูรายละเอียดให้รอบคอบ

เมื่อถามว่าการที่คู่กรณีเคยมีพฤติกรรมที่นำไปสู่การเสียชีวิตของบุคคลหนึ่งและได้มารับราชการตำรวจ จะทำให้ประชาชนเคลือบแคลงใจหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ในส่วนจริยธรรมมีการกำหนดเอาไว้เป็นหลักของตำรวจ จเรตำรวจแห่งชาติจะต้องเป็นผู้นำมาประกอบว่าประเด็นจริยธรรมดังกล่าวจะเข้าส่วนใดบ้างของทางวินัย และจะร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ต้องพิจารณาจากข้อมูลที่รอบด้าน ส่วนการที่พ่อแม่ของน้องเมยจะนำเรื่องนี้ไปถึงศาลแพ่ง ส่วนตัวคาดว่าเป็นไปได้

เมื่อถามว่ากรณีที่ครอบครัวน้องเมยแจ้งดำเนินคดีกับแพทย์ผู้ชันสูตรรายแรกกรณีที่ทำอวัยวะน้องเมยสูญหาย ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) พญาไท พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนได้มอบหมายเรื่องนี้ให้จเรตำรวจแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาร่วมด้วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'พ่อน้องเมย'ฝากคำถามถึง สตช. คนที่มีคดีอาญา ยังรับราชการอยู่ได้ยังไง?

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top