‘ทัพฟ้า’ส่งF-16ถล่ม2ระลอก4จุด ปะทะเดือดวันที่2 ทิ้งบอมบ์ฐานทัพเขมรราบคาบ

‘ทัพฟ้า’ส่งF-16ถล่ม2ระลอก4จุด ปะทะเดือดวันที่2 ทิ้งบอมบ์ฐานทัพเขมรราบคาบ

วันเสาร์ ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘ทัพฟ้า’ส่งF-16ถล่ม2ระลอก4จุด

ปะทะเดือดวันที่2

ทิ้งบอมบ์ฐานทัพเขมรราบคาบ

ทหารแขมร์ขวัญผวาหนีกระเจิง

ไทยตายแล้ว16ศพ/เจ็บ29ราย

อพยพ14อภ.4จว.6หมื่นคน

 

เขมรคลั่งบุกโจมตีทหารไทย ตั้งแต่ตี 4 ตั้งแต่ช่องบก-ภูมะเขือ-พนมดงรัก ระดมรถถัง-ปืนใหญ่-จรวด BM-21 ยิงสนับสนุน หวังยึดเนิน 469 “สุรินทร์-อุบลฯ” หนีกระสุนตกจ้าละหวั่น ผู้นำชุมชนพาชาวบ้านหลบเข้าบังเกอร์ ด้านบ้านกรวด บุรีรัมย์อพยพ 100% หลังกระสุนปืนใหญ่จากฝั่งเขมรตกกว่า 70 ลูก ทบ. เร่งอพยพ 14 อำเภอ 4 จังหวัดกว่า 6 หมื่นคน หนีปะทะ สรุปเสียชีวิตเบื้องต้น 16 ราย เจ็บ 29 คน ตั้งโรงครัวพระทาน6 จุด ด้านทภ.2 รายงานผลสู้รบ เขมรใช้ทหารราบเข้าประชิดไทย ระดมปืนใหญ่ยิงสนับสนุน สั่งอพยพประชาชน 131 จุด ทหารไทยเสียชีวิตแล้ว 3 นาย หลังเขมรยิงจรวด BM-21 ทอ.เตือน ปชช.ถอยห่างพื้นที่เสี่ยง 20-40 กม. พร้อมส่งF-16 ทิ้งไข่ถล่มเขมร 4 จุดรอบ “เขาพระวิหาร- ตาเมือนธม-ภูมะเขือ” สั่งสอนเขมรยิงอาวุธหนักใส่บ้านเรือน-รพ.ฝั่งไทย ก่อนบินกลับปลอดภัย


สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังระอุต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาปะทะกันหลายพื้นที่ โดยกองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า เริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลา 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี และภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ รวมถึงในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์

เขมรคลั่งเริ่มยิงใส่ไทยตั้งแต่ตี4

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบกเปิดเผยว่า สถานการณ์สู้รบวันที่ 25 กรกฎาคม กองทัพบกได้รับรายงานเริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ และอ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยฝ่ายกัมพูชาระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และจรวด BM-21 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายไทยได้ตอบโต้ด้วยการใช้อาวุธยิงสนับสนุนตามสถานการณ์ และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้หลีกเลี่ยงการเข้าในพื้นที่การปะทะ

ระดมอาวุธหนักหวังยึดเนิน469

ผู้สื่อข่าวสรุปไทม์ไลน์เหตุปะทะวันที่สองระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า เริ่มตั้งแต่เวลา 04.30 น. ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงทหารไทยอย่างดุเดือดรอบปราสาทพระวิหาร ทางทหารไทยตรวจพบกำลังพลของทหารกัมพูชาประชิดตลอดแนวชายแดนพื้นที่กษัตริย์ศึก ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของกองพันทหารราบที่ 21 ต่อมาบริเวณพื้นที่กงจักร กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 2 ได้ยิงฉากจากฝ่ายแนวของทหารไทย เพื่อเป็นการตอบโต้ หลังจากทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักยิงเข้าใส่

จากนั้นเวลา 04.50 น.หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 26 ตรวจพบยานพาหนะ คาดว่าเป็นรถถังของฝ่ายกัมพูชา จอดเรียงหน้ากระดาน 6 คัน บริเวณพิกัด5298887609 ตรงข้ามช่องปลดต่าง

เวลา 04:54 น. บริเวณพื้นที่กษัตริย์ศึก ทหารไทยและทหารกัมพูชาประจำหน้าแนวยังไม่มีการปะทะ

เวลา 05.30 น. บริเวณพื้นที่ซูรูป่ากล้วย ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิง โดยรถถังเบา scorpion ของไทย ยิงสนับสนุน บริเวณข้างปราสาทตาเมือนธม

เวลา 05.25 น. บริเวณช่องบกใช้อาวุธยิงสนับสนุน

เวลา 05.35 น. พื้นที่กษัตริย์ศึก ฝั่งไทยได้ขอการยิงสนับสนุนปืนใหญ่ ยิงลงหลังเนินโนเนม และยิงทำลายที่ตั้งรถถังพื้นที่ตรงข้ามช่องบก

เวลา 05.50 น. กำลังฝ่ายไทยเริ่มเข้าตีภูมะเขือ

เวลา 06.29 น. ทหารกัมพูชาใช้กำลังเข้ายึดเนิน 469 โดยใช้ปืนใหญ่และปืน ค. ทางทิศใต้บริเวณช่องบกระดมยิงใส่ฝ่ายไทย บริเวณเนิน 408 โดยใช้ BM 21 จากอำเภอจอมกระสานต์ จ.พระวิหาร ระดมยิงไปทางซัมแตก โดยฝ่ายทหารไทยตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร สนับสนุนการต่อต้านปืนใหญ่.

จรวดBM21ตก3หมู่บ้านอ.น้ำยืนอุบลฯ

พ.อ. ริชฌา ยังชี้แจงกรณีเวลา 08.50 น. วันนี้ (25 กรกฎาคม) เกิดเหตุกระสุนจรวด BM-21 ตกในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน หมู่ 5 ตำบลศรีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานีรวม 3 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 ตกใส่บ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้านได้รับความเสียหาย จุดที่ 2 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่เสียหาย จุดที่ 3 ตกใส่ถนนภายในหมู่บ้านเสียหาย เบื้องต้นไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่าประชาชนอพยพไปยังศูนย์พักพิง ซึ่งจัดตั้งโดยฝ่ายปกครองอำเภอน้ำยืนก่อนหน้านี้แล้ว

หนีตายกระสุนตกกลางตลาดสุรินทร์

เวลา 05.30 น.ทหารกัมพูชาเปิดยิงชุดใหญ่อีกระลอก ตั้งแต่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และตลอดแนว กระทั่งเวลา 08.00 น.ทหารกัมพูชายิงกระสุน BM 21 มาตกบริเวณตลาดอาเซี่ยนช่องจอม ใกล้กับตลาดชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง และยิง BM 21 เข้ามาเป็นระยะเป็นชุดๆ ทำให้ชาวกัมพูชาที่มาค้าขายที่ตลาดชายแดนช่องจอมต้องหาที่หลบภัยกันจ้าละหวั่น ส่วนผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ ชรบ.หมู่บ้าน ที่อยู่ในพื้นที่ดูแลทรัพย์สินประชาชน พากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัย และเร่งอพยพประชาชนบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ตามบ้านเรือนออกอย่างเร่งด่วน ขณะที่เสียงปืนใหญ่ของทหารไทยยิงตอบโต้ดังมาถึงตัวเมืองสุรินทร์เป็นระยะ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งเตือนประชาชนที่ไม่จำเป็นห้ามเข้าพื้นที่เด็ดขาด

ย้ายปชช.ไปอยู่ศูนย์อพยพไกลชายแดน

ขณะที่ประชาชนชาว อ.บัวเชด สังขะ กาบเชิง และอ.พนมงดงรัก ย้ายจากศูนย์อพยพเดิมออกมาไกลกว่าเดิมตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม หลังระเบิดลงที่หมู่บ้านไทยสมบูรณ์ และวิทยาลัยการอาชีพสังขะ อ.สังขะ ที่อยู่ไกลจากแนวชายแดนถึง 35 ก.ม.นับสิบลูก กระทั่งเช้าวันนี้ศูนย์อพยพ ต.สะกาด อ.สังขะ ถูกสั่งให้ย้ายไปอพยพพักพิงที่ อ.ชุมพลบุรีแล้ว หลังทหารกัมพูชาเปิดฉากยิ่งเข้ามาตลอดแนวชายแดนขณะนี้ เช่นเดียวกับ ประชาชนชายแดนหลายอำเภอ ได้ย้ายไปอยู่ที่ศูนย์อพยพที่ไกลจากเดิมเพื่อหลบวิถีกระสุน

กทภ.2เร่งกู้ระเบิดเก็บศพในปั้มปตท.

ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 และตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ระดมกำลังเร่งดำเนินการเข้าเก็บกู้วัตถุระเบิด ที่ตกค้างที่ปั้มน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่ หลังถูกทหารเขมรยิงอาวุธหนักใส่เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม

ทหารเขมรสังเวย24ศพ

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงกองทัพภาคที่ 2 สรุปความเสียหายเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 24 กรกฎาคม-เช้าวันที่ 25 กรกฎาคมว่า พื้นที่หน้าปราสาทตาเมือนธม กำลังพลพลน้อย ร.42 เสียชีวิต 1 ราย พื้นที่ใต้ประสาทตาเมืองธม เสียชีวิต 8 ราย เป็นทหาร 3 คน ประชาชน 4 คน พระสงฆ์ 1 คน พื้นที่ภูมะเขือ ทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากโดนทิ้งระเบิด 14 นาย รวม 23 ราย ส่วนวันนี้ (25 กรกฎาคม) ปืนใหญ่โจมตีตรงข้ามช่องบก ทำลายปืน ค. 100 จำนวน 3 กระบอก ทหารกัมพูชา เสียชีวิต 1 นาย รวมทหารกัมพูชาเสียชีวิตทั้งหมด 24 นาย

อ.บ้านกรวดบุรีรัมย์ร้าง

ผู้สื่อข่าวบุรีรัมย์รายงานบรรยากาศที่อำเภอบ้านกรวด ซึ่งติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทย และทหารเขมรพบว่า ทั้งโรงพยาบาล (รพ.) บ้านกรวด สถานที่ราชการ ธนาคาร สถานีบริการน้ำมัน สถานประกอบการ ร้านค้า ในตัวอำเภอบ้านกรวด ซึ่งมีระยะห่างจากแนวชายแดนเพียง 10 กิโลเมตรปิดให้บริการชั่วคราว และอพยพออกจากพื้นที่แล้วเกือบ 100% ส่วนผู้ป่วยในรพ.บ้านกรวดทยอยอพยพออกไปอยู่รพ.ในตัวอำเภอใกล้เคียง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมแล้ว และมีคำสั่งให้แพทย์ พยาบาล และบุคลากรเจ้าหน้าที่ทุกคนในรพ.บ้านกรวด ออกจากพื้นที่ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา หลังตลอดทั้งวันที่ 24 กรกฎาคม มีกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชนตามแนวชายแดน รวมถึงในตัวอำเภอบ้านกรวดมากถึง 74 ลูก และตลอดคืนที่ผ่านมา จนถึงช่วงเช้าวันนี้ (25 กรกฎาคม) ยังมีเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่อง ซึ่งบางส่วนดังมาจากชายแดนในอ.บ้านกรวด บางส่วนดังมาจากชายแดนฝั่งปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกัน สำหรับบรรยากาศที่ศูนย์พักพิงที่สนามแข่งรถในตัวจ.บุรีรัมย์ พบว่ามีประชาชนอพยพเข้าไปอยู่ประมาณ 5,000 คน

เตือนปชช.ห้ามใกล้พื้นที่เสี่ยง20-40กม.

ด้านกองทัพอากาศ (ทอ.) ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนว่า ขณะนี้ยังเกิดเหตุปะทะในพื้นที่ตามแนวชายแดนหลายพื้นที่ ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยงในระยะ 20-40 กิโลเมตร ตามแนวปะทะชายแดน และงดการเผยแพร่ ภาพ/ข้อมูล/บุคลากร (อาทิเช่น ภาพ/เสียง/เวลา ที่แสดงตำแหน่งเครื่องบินผ่าน เครื่องบินวิ่งขึ้น ภาพนักบินและเจ้าหน้าที่ เป็นต้น) ในการปฏิบัติการทางทหาร

ทบ.แจงอพยพแล้ว14อ.4จว.6หมื่นคน

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.ต.หญิง จุฑาพัชร เปรมบัญญัติ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบกแถลงว่า กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่การสู้รบ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธหนักยิงโจมตีเข้ามาในเขตพื้นที่ประเทศไทย ตั้งแต่เช้าวานนี้ (24 กรกฎาคม) ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่รวม 14 อำเภอ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ อ.บ้านกรวด, จ.สุรินทร์ อ.กาบเชิง, อ.พนมดงรัก, อ.สังขะ, อ.บัวเชด, อ.ปราสาท และอ.เมืองสุรินทร์, จ.ศรีสะเกษ อ.กันทรลักษ์, อ.เบญจลักษ์, อ.ศรีรัตนะ, อ.พยุห์, อ.กันทรารมย์ และ อ.เมืองศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี อ.เดชอุดม ได้รับผลกระทบจากอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา ที่ยิงเข้ามาในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน, โรงพยาบาล และสถานที่พลเรือน อย่างไร้มนุษยธรรม

ตั้งครัวพระราชทาน6จุด

ผู้ช่วยโฆษก ทบ.กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกองทัพบก โดยกองกำลังสุรนารี, มณฑลทหารบกที่ 22, มณฑลทหารบกที่ 25 และมณฑลทหารบกที่ 26 ได้ประสานฝ่ายปกครอง และผู้นำชุมชนในพื้นที่เร่งอพยพประชาชนไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน มีจำนวนผู้อพยพรวม 63,446 คน แบ่งเป็น จ.บุรีรัมย์ 4,813 คน, จ.สุรินทร์ 21,646 คน จ.ศรีสะเกษ 26,511 คน และจ.อุบลราชธานี 10,476 คน พร้อมกันนี้ กองทัพบกได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน 6 จุด และจัดรถครัวสนามกองทัพบก 2 คัน ประกอบอาหารแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่รวบรวมพลเรือนอีกด้วย

ทบ.สรุปเจ็บเบื้องต้น29-ตาย16

ขณะเดียวกัน มณฑลทหารบกที่ 22 ยังได้ร่วมกับปกครองจังหวัดอุบลราชธานี จัดชุดอาสารักษาดินแดนออกลาดตระเวนเพื่อดูแลทรัพย์สินของประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อให้ผู้อพยพคลายกังวลเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินส่วนบุคคล

ผู้ช่วยโฆษก ทบ.กล่าวอีกว่า ตรวจสอบเบื้องต้น ข้อมูล ณ วันที่ 25 กรกฎาคม พบว่ามีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 29 คน และเสียชีวิต 16 ราย เป็นเหตุให้ต้องอพยพประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน

เขมรส่งทหารราบประชิดไทยรถถังโจมตี

ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) สรุปสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่สอง จนถึงเวลา 12.00 น.ดังนี้ เวลา 08.30 น. กลยุทธ์ฝ่ายตรงข้ามใช้กำลังทหารราบเข้าประชิดกำลังฝ่ายไทย เพื่อป้องกันฝ่ายเราใช้อาวุธยิงสนับสนุน ฝ่ายตรงข้ามใช้รถถังและอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลโจมตีขอบหน้าพื้นที่ การรบพื้นที่ส่วนหลัง มีความพยายามโจมตีในพื้นที่ซำแต, ช่องตาเฒ่า และประสาทตาเมือน, พื้นที่ช่องบก เป็นการตอบโต้ระหว่างปืนใหญ่กับ BM 21, พื้นที่ช่องอานม้า ปรับกำลังเข้าควบคุมตามเส้นแดน, พื้นที่ชำแต ฝ่ายตรงข้ามรวมกำลังทหารราบรถถัง ตีโต้ตอบเพื่อยึดพื้นที่คืน, พื้นที่ช่องตาเฒ่า. พื้นที่พระวิหาร ตรึงข้าศึกบริเวณวัดแก้ว, พื้นที่ภูมะเขือ ฝ่ายเราเข้าตีฝ่ายตรงข้ามยิงโต้ตอบ, พื้นที่ช่องจอม (อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์) ทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธยิงสนับสนุนโจมตีกันไปมา, พื้นที่ปราสาทตาควาย (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ข้าศึกเพิ่มเติมกำลังขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ฝ่ายเราต้องปรับแผน และพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ฝ่ายเราวางกำลัง ฝ่ายตรงข้ามพยายามเข้าตี

อพยพปชช.131จุดหนีกระสุนปืนใหญ่ตก

การอพยพประชาชน 131 จุดดังนี้ พื้นที่ จ.บุรีรัมย์ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 1 จุด 4,813 คน, จ.สุรินทร์ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 20 จุด 21,646 คน, จ.ศรีสะเกษ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 43 จุด 26,511 คน, จ.อุบลราชธานี อพยพ เข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 67 จุด 10,476 คน, ล่าสุดอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว 63,446 คน

ผลกระทบต่อประชาชน พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ต.ตาเมียง, ต.บักได และ ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่, ต.ศรีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กระสุนปืนใหญ่ตก บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 4 หลัง, ต.รุง ต.เมือง และ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ ปัจจุบันยังไม่มีรายงานการสูญเสียชีวิตของประชาชน

การช่วยเหลือประชาชน จิตอาสาพระราชทานในพื้นที่ 4 จ. ดูแลช่วยเหลือประชาชน อำนวยความสะดวกในศูนย์พักพิงชั่วคราวจัดจิตอาสา 904 และจิตอาสาพระราชทาน 2,318 นาย เข้าช่วยเหลือประชาชน ใน 4 พื้นที่ ประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์, จ.สุรินทร์, จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี จัดตั้งโรงครัวพระราชทานใน 4 จังหวัดดังนี้ จ.บุรีรัมย์ ที่สนามช้างอารีน่า, จ.สุรินทร์ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อ.เมืองฯ, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ อ.เมืองฯ และ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลเชื้อเพลิง อ.ปราสาท, จ.ศรีสะเกษ ที่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ ต.จานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ และ ที่โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี ต.ตระกาจ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ที่ว่าการอำเภอเดชอุดม

ทภ.2สดุดี3ทหารไทยพลีชีพที่ตาควาย

จากสถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้น กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 2 ยังคงยืนยันถึงเจตนาในการปกป้องอธิปไตย ที่เกิดจากการรุกรานของฝ่ายกัมพูชาภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มิใช่การละเมิดหรือรุกรานจากฝ่ายไทยตามที่กัมพูชากล่าวอ้าง และพยายามนำเสนอข้อมูลเพื่อสร้างความชอบธรรมในสายตาของนานาชาติ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องกัมพูชา ให้ยุติการกระทำลักษณะที่ต้องการครอบครองพื้นที่ที่อาณาเขตประเทศไทย โดยนำเรื่องพื้นที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาตัดสินโดยศาลโลก และกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา ในฐานะมิตรประเทศต่อไป

หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ยืนยันว่า มีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฎิบัติหน้าที่เมื่อเช้านี้ (25 กรกฎาคม) ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM21 ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโล่ห์กำบัง โดยทหารที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร และ 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ

ทอ.ส่งF-16ทิ้งไข่ฐานเขมร4จุดไม่พลาดเป้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน กองทัพอากาศ (ทอ.) ส่ง F-16 จำนวน 4 เครื่อง ปฏิบัติการทางอากาศ กับพื้นที่เป้าหมายทางทหารของเขมร 2 จุด จากนั้นกลับเข้าฐานบินอย่างปลอดภัย ก่อนจะปฎิบัติการรอบที่ 2 อีก 2 ลำ เพื่อโจมตีเป้าหมายทางทหาร ไม่พลาดเป้า 2 จุด ก่อนกลับเข้าฐานบินอย่างปลอดภัย ซึ่งปฏิบัติทางอากาศวันนี้ เน้นทำลายเป้าหมายทางทหารกัมพูชา รอบ “เขาพระวิหาร ตาเมือนธม ภูมะเขือ” ที่เป็นขุมกำลังรบ ซึ่งกัมพูชาใช้ยิงเข้ามาลงบ้านเรือนประชาชน และโรงพยาบาล ชายแดนฝั่งประเทศไทย ถือเป็นยุทธวิธี ทำลายอาวุธของฝ่ายตรงข้าม ที่ไม่คำนึงถึงมนุษยธรรม

ทหารเขมรขวัญกระเจิงผวาF16เข้ารู

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากผลปฏิบัติการเครื่องบินF-16 ของกองทัพอากาศ โจมตียุทธบริเวน พื้นที่เป้าหมายทหารกัมพูชาหลายจุด เช่น บก.พล.น้อย ส่วนสนับสนุนที่ 8 และกองพลน้อย ส่วนสนับสนุนที่ 9 พื้นที่ยุทธบริเวนเขาพระวิหาร ภูมะเขือ ปราสาทตาเมือนธม เพจเฟซบุ๊ก กองทัพบก ทันกระแส เผยแพร่ข้อความ ขวัญและกำลังใจของทหารกัมพูชาตกต่ำอย่างมาก เมื่อได้ยินเสียงF-16 จะวิ่งเข้าหลุมหลบภัย ซึ่งมีทหารบาดเจ็บจำนวนมาก

แรงงานเขมร2พันคนแห่กลับปท.

ที่ด่านถาวรบ้านแหลม อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี พล.ร.ต.ชรัมม์ภากร พรหมภากร รองผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (รอง ผบ.กปช.จต.) ระบุถึงสถานการณ์บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ตำบลเทพนิมิต เป็นไปอย่างคึกคัก เมื่อมีชาวกัมพูชาประมาณ 2,000 คนรวมตัวกันเพื่อเดินทางกลับประเทศกัมพูชา จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ทราบว่าคนกัมพูชา ที่เดินทางกลับประเทศวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ทำงานในประเทศไทย รวมถึงเป็นห่วง ลูกหลานและญาติที่อยู่ในกัมพูชา

ทั้งนี้ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกคำสั่งพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวไทยและชาวกัมพูชา ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ โดยกำหนดเวลาเปิด-ปิด การผ่านแดนได้ระหว่างเวลา 09.00 น.-15.00 น. มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม โดยเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้เดินทางกลับออกไปได้ ส่วนคนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศทาง เจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้เดินทางกลับออกมา

7สายการบินพร้อมรับคนไทยกลับจากเขมร

นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมและโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าสายการบินพาณิชย์สัญชาติไทย ทั้ง 7 สายการบิน เข้าประชุมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ ถึงแผนการรองรับการเดินทางของคนไทยในกัมพูชา ที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศไทย ผลจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ทุกสายการบินสัญชาติไทย ทั้ง 7 สายการบิน พร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ มี 4 สายการบิน ที่ทำการบินในเส้นทาง กรุงเทพ-กัมพูชา อยู่แล้ว ได้แก่ การบินไทย ให้บริการ 16 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน, ไทยแอร์เอเชีย 28 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่ง ต่อเที่ยวบิน, บางกอกแอร์เวย์ส 40 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่ง และ 70 ที่นั่ง ต่อเที่ยวบินและไทยเวียตเจ็ท 16 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จำนวน 180 ที่นั่ง ต่อเที่ยวบินและอีก 3 สายการบิน ได้แก่ ไทยไลอ้อนแอร์ ไทยแอร์เอเชียร์เอ็กซ์ และ นกแอร์ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อรองรับการเดินทางมายังประเทศไทย

สำหรับแนวทางในการสนับสนุนนั้น ตั้งแต่วันนี้คือวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 จะดำเนินการเพิ่มจำนวนที่นั่งให้เพียงพอต่อความต้องการของคนไทยในกัมพูชาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย ในส่วนของมาตรการฉุกเฉินนั้นทุกฝ่ายได้จัดเตรียมแผนรองรับไว้เรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หากคนไทยในกัมพูชา ประสงค์กลับประเทศสามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โทรศัพท์ฉุกเฉิน: (+855) 77 888 114-513

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top