‘ทักษิณ’ไม่ป่วยขั้นวิกฤต
‘3หมอแพทยสภา’เบิกความ
ศาลไต่สวนกลุ่มแพทย์ 3 ผู้เชี่ยวชาญจากแพทยสภา คดี "ทักษิณ"ชั้น 14 รพ.ตำรวจ "หมอประสิทธิ์" กับ 2 หมอ จากแพทยสภาเบิกความ ยัน "ทักษิณ" ไม่ป่วยวิกฤต ไม่จำเป็นต้องนอน รพ. 180 วัน ด้าน“หมอวรงค์” เหมือนตอกฝาโลง"ทักษิณ" "ทนายวิญญัติ"ยันไต่สวน"วิษณุ"ปากเดียว30ก.ค.ไม่ขอไต่สวนลับแน่นอน
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน ศาลนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 6 โดยในวันนี้ศาลได้ไต่สวนพยานบุคคลกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแพทยสภาจำนวนทั้งหมด 3 ปากเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณซึ่งเป็นสาเหตุให้ส่งตัวจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพไปรักษาที่รพ.ตำรวจ
พยานปากแรกคือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่1ได้ให้ความเห็นหลังจากอ่านเอกสารทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาตัวนายทักษิณ โดยถูกส่งตัวมาด้วยอาการเฝ้าระวังอาการโรคหัวใจ อ่อนเพลีย ค่าออกซิเจนต่ำแต่พอมาถึงรพ.ตำรวจกลับได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์เวร โดยไม่ผ่านการตรวจAKG จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ รวมทั้งมีอาการที่ไม่ร้ายแรงและให้ความเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล พยานปากนี้ได้ส่งเอกสารชี้แจงรายละเอียดถึงคำศัพท์ทางการแพทย์รวมทั้งความเห็นการรักษานายทักษิณตั้งแต่วันแรกที่เข้ารักษาตัว จนออกจากรพ.ตำรวจ เสนอต่อศาลและความเห็นเกี่ยวกับยารักษารักษาโรคของนายทักษิณ รวมถึงใบเสร็จที่ต้องระบุถึงชื่อยา พร้อมตอบคำถามของนายวิญญัติ ทนายความและยอมรับว่าไม่ทราบระบบและห้องปฏิบัติการของรพ.ตำรวจ
พยานปากที่ 2 ศ.นพ.ไชยรัตน์ เพิ่มพิกุล ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์วิกฤติ(ICU)ได้ให้ความเห็นในทำนองเดียวกันว่า การรักษาของนายจำเลยไม่จำเป็นต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็สามารถเดินทางไปกลับได้
พยานปากที่ 3 ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก ไขข้อ เส้นเอ็น (ออร์โธปิดิกส์)เบิกความว่า การรักษานายทักษิณไม่จำเป็นต้องรักษาแบบเร่งด่วน โดยสามารถดูอาการ รอการผ่าตัดได้ โดยส่วนใหญ่แพทย์มักให้การรักษาเบื้องต้นด้วยการบำบัดและการทานยาก่อน การผ่าตัด โดยเป็นการผ่าตัดเล็กไม่เร่งด่วนสามารถรักษาตัวแบบไป-กลับไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล อีกทั้งการตรวจอาการแน่นหน้าอกก็ไม่พบความเกี่ยวข้องกับโรคที่แพทย์รพ.ราชทัณฑ์กังวลและแพทย์รพ.ตำรวจก็ไม่ได้รักษาหลายโรค เนื่องจากหลายโรคอาการดีขึ้นและสามารถกลับไปอยู่ที่เรือนจำได้ พยานเบิกความเรื่องอื่นจนแล้วเสร็จ
โดยศาลได้มีคำสั่งให้ไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย 1ปากคือศ.ดร. วิษณุ เครืองาม อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อไปวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ เวลา 09.30น.
ภายหลังนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้แพทยสภาเป็นพยานไต่สวนการรักษาตัวนายทักษิณ โดยเปิดโอกาสให้ทนายความจำเลยซักถามได้เต็มที่ ทำให้ปรากฏความจริงชัดเจนขึ้น ทั้งข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรมได้ปรากฏให้ประชาชนเรียนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นความถูกต้องอยู่ตรงไหนและจะทราบในไม่เกิน10วัน นอกจากนี้ ในนัดหน้าจะนำนายวิษณุ เครืองาม พยานจำเลย มาไต่สวน ซึ่งจะพิจารณาลับไม่ได้ เพราะจะขัดต่อกฎหมายประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ต้องรอดูว่าเมื่อ นายวิษณุ มาศาลฎีกาแล้วจะเบิกความไต่สวนอย่างไร เพราะวันนี้คำวินิจฉัยของแพทยสภาที่ออกมานั้นชอบแล้ว ไม่ได้ลงโทษสุ่มสี่สุ่มห้า ตนมองว่า ยังเบาไปด้วย เพราะพฤติกรรมไปช่วยคนคนหนึ่งทำให้กระบวนการแพทย์เสียหาย รวมทั้งความเสียหายของประเทศด้วย
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่สงสัยกันว่านักโทษรายนี้ป่วยหนักจนต้องนอนโรงพยาบบาล 180 กว่าวัน ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็เรียกว่า”ตอกฝาโลง”แล้ว ทุกอย่างสิ้นสงสัยแล้วว่าไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง แม้จะเคยมีประวัติมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่ฉุกเฉิน และแพทย์เจ้าของไข้ที่รับตัวไว้ก็ไม่ตรงกับโรคที่ป่วยและไม่ได้ตรวจโรคเฉพาะทางที่อ้างว่าป่วย ซึ่งจะต้องทำการตรวจเฉพาะทางทันทีในคืนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ส่งตัวมารักษา ส่วนปัญหาโรคร้ายแรงที่ส่งตัวมา ก็ได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าไม่ได้วิกฤตถึงขั้นที่จะต้องอยู่โรงพยาบาล โดยสรุปที่เราได้ฟังมา แม้จะเป็นโรคหลายโรค แต่ก็ไม่ได้กำเริบจนต้องนอนโรงพยาบาลต่อเนื่องหลายวัน
ด้าน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์โดยกล่าวถึงการไต่สวนวันนี้ว่าเป็นการไต่สวนตัวแทนของแพทยสภาซึ่งเดิมตนเห็นว่ามีตัวแทนทั้งหมด 6 ราย แต่ศาลพิจารณาแล้วว่าจะพิจารณาทั้งหมด 3 ราย ซึ่งก่อนที่จะเข้าให้การในวันนี้ตนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลายเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของแพทยสภา ซึ่งหากทางฝ่ายนั้น นำอคติทางการเมืองเข้ามาปนเปื้อน ตนเชื่อว่าศักดิ์ศรีของแพทยสภาอาจจะลดน้อยลง หรืออาจจะไม่เหลือเลยก็ได้ ซึ่งวันนี้ตนก็พยายามถามพยานทั้ง 3 ปากว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงมติลงโทษแพทย์ของรพ.ตำรวจหรือไม่ ซึ่งมีหนึ่งในพยานไม่ขอตอบคำถามของตน ซึ่งตนก็เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามก็เป็นกระบวนการของแพทยสภา ซึ่งแพทย์ของรพ ตำรวจสามารถใช้สิทธิ์ทางปกครองได้อยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี