ปัตตานีคึกคัก! "เสมา 2"ปักธงขึ้นเงินเดือนครูเอกชนตุลาคมนี้ ผนึก"สช.-สกร."ปั้นทักษะสื่อสาร-รักษาพยาบาล 5 จังหวัดชายแดนใต้ เชื่อมโอกาสตลาดอาหรับ สร้างรายได้จากพหุวัฒนธรรม
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมกิจกรรมวาระครบรอบ 16 ปี สำนักงานการศึกษาเอกชน (สช.) จังหวัดปัตตานี โดยย้ำว่านโยบายรัฐบาลให้ความสำคัญต่อคุณภาพการศึกษาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ พร้อมขับเคลื่อนสู่โอกาสใหม่ทั้งด้านอาชีพ แรงงาน และการยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านระบบการศึกษา
ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลนายก ฯแพทองธาร จะปรับเพิ่มเงินเดือนครู และการสนับสนุนค่าตอบแทนแก่ครูผู้สอนศาสนา ทั้งในศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) รวมถึงโต๊ะครูและผู้ช่วยโต๊ะครูในสถาบันการศึกษา ครูผู้สอนในโรงเรียนตาดีกา เป็นเดือนละ 3,500 บาท ผู้ช่วยโต๊ะครูในโรงเรียนปอเนาะ เป็นเดือนละ 3,500 บาท และโต๊ะครูในโรงเรียนปอเนาะ เป็นเดือนละ 4,000 บาท ภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นจากการรับฟังเสียงครูเอกชน โดยเฉพาะพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้เป็นหนึ่งในเขตเป้าหมายหลัก เพราะพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล เป็น “ขุมพลังทางวัฒนธรรม” ที่มีต้นทุนด้านภาษาที่โดดเด่น โดยเฉพาะมลายูและอาหรับ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดเป็นทุนทางเศรษฐกิจ เช่น การแปลภาษา การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังแวะรับฟังปัญหาโรงเรียนปอเนาะดารุลอูลูมอัซซัรอียะห์ มีนักเรียน 124 คน มีนักเรียน สกร.ที่กำลังเรียนเทียบโอนวุฒิ 66 คนในโรงเรียน โดย สกร.ได้เสริมทักษะในด้านอาชีพต่างๆ เช่น ช่างเชื่อม ทำโครงการพัฒนาอิฐบ็อกจากเปลือกไข่ไก่ ฯลฯ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้มีโรงเรียนเอกชนสองภาษากว่า 300 แห่ง และโรงเรียนปอเนาะกว่า 400 แห่งในพื้นที่ ซึ่งจำนวนผู้เรียนภาษาอาหรับในโรงเรียนปอเนาะมี 38,384 คน ภาษามลายู - อาหรับในโรงเรียนสอนศาสนาคู่สามัญมี 176,082 คน และภาษาอาหรับในตาดีกา 205,471 คน
ดร.ลิณธิภรณ์ ยังเปิดเผยแผนความร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) กับกระทรวงสาธารณสุข จะร่วมกันเปิดทางเลือกในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล พัฒนาคนมุ่งสร้างรายได้ เพราะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีลักษณะพิเศษที่มีความสามารถทางภาษา ต่อยอดจากหลักสูตร Caregiver เพิ่มทางเลือกให้มีมาตรฐานสูงขึ้น เพื่อป้อนบุคลากรเข้าสู่ตลาดแรงงานคุณภาพ เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีแนวโน้มนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น และมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวตะวันออกกกลางกลุ่ม Health & Wellness 20% หรือคิดเป็นกว่า 1 แสนคน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมายนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและแอฟริกา 1.1 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 98,000 ล้านบาทในปี 2568 นอกจากนี้ ในภาพรวมรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยในปี 2567 นั้นก็สูงราว 3.2 หมื่นล้านบาท และคาดว่าภายในปี 2570 มูลค่าตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยจะแตะระดับ 7.6 แสนล้านบาทเลยทีเดียว
“การประกาศนโยบายในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของรัฐบาลที่ตั้งใจสนับสนุนส่งเสริมการศึกษาภาคเอกชน (สช.) โดยเฉพาะพื้นที่อย่าง จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลจะเปลี่ยนความหลากหลายเป็นรายได้ พลิกโฉมให้เป็นศูนย์กลางทางภาษาและอาชีพใหม่ของภูมิภาค ที่สำคัญ รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ฟังเสียงเฉพาะในห้องประชุม แต่ฟังเสียงจากพื้นที่จริง เพราะประชาชนทุกคน คือหัวใจของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเสมอมา” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี