กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ธัช โพธิ์สุวรรณ ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง ผกก.1 บก.ทล.และ พ.ต.ท.มีเดีย ปฐมพรวิวัฒน์ รอง.ผกก.1 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วชิระ อัมฤทธิ์ สวญ.ส.ทล.4 กก.1, พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สว.ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล.พร้อมข้าราชการตำรวจ ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล.ได้ทำการจับกุม 1.นางสาวศรีไพรฯ อายุ 37 ปี สัญชาติไทย 2.นางสาวสีไพรฯ อายุ 46 สัญชาติ ไทย 3.นายปิยะวุฒิฯ อายุ 30 ปี สัญชาติ ไทย โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกัน รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายให้เข้าพักอาศัย  ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” 4. บุคคลต่างด้าว สัญชาติ เมียนมา 14 ราย โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” สถานที่จับกุม บริเวณบนถนนสาธารณะ ตลาดเอื้ออารีย์ ม.15 ต.หนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สืบทราบมาว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่รับผิดชอบเส้นทาง ทล.1 จึงได้วางแผนและวางกำลัง ในเส้นทางที่มีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม พบรถยนต์ ต้องสงสัย ประมาณ 1 - 2 คัน ขับขี่ผ่านมาด้วยความเร็วสูงและมีน้ำหนักที่รถยนต์มากกว่ารถยนต์ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ขับขี่ติดตามรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีเทา ติดฟิล์มสีดำมืดทึบ และมีการปิดบังกระบะหลัง ซึ่งตรงกับรถต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดง และใช้สัญญาณเสียง รวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด และรถยนต์คันดังกล่าวได้หยุดรถที่บริเวณบนถนนสาธารณะ ตลาดเอื้ออารีย์ ม.15 ต.หนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตนและขอทำการตรวจสอบ พร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้ว ภายในรถพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา รวม 14 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เชิญนายปิยะวุฒิฯ มาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล.พบว่าต่างด้าว สัญชาติเมียนมา 14 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง จากการสอบถาม ผู้ถูกจับให้การยอมรับว่า ได้รับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมาจำนวน 14 คน ได้ค่าจ้าง 2,000 บาท/ครั้ง โดยจากการสืบสวนและซักถาม

นายปิยะวุฒิฯ รับว่า ได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง โดยมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีน้ำตาล ขับรถนำดูเส้นทางมาจาก อ.วังเจ้า จ.ตาก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ติดตามรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีน้ำตาล คันดังกล่าวจนมาถึงบริเวณปั๊มแก๊ส ปตท. ต.หนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ส่งสัญญาณเรียกรถยนต์คันดังกล่าวตรวจสอบ ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนและขอทำการตรวจสอบพร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้ว จากการสอบถามเบื้องต้น คนขับชื่อ นางสาวศรีไพรฯ และมีนางสาวสีไพรฯ นั่งโดยสารมาด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เชิญนางสาวศรีไพรฯ และนางสาวสีไพรฯ มาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล.

จากการสอบถามผู้ถูกจับรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 14 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆ และยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง โดยผู้ถูกจับที่ 1 ขับรถนำตลอดเส้นทาง โดยมีผู้ถูกจับที่ 2 โดยสารมาด้วยจริง และรถทั้งสองคัน มีการติดต่อกันทางหมายเลขโทรศัพท์มือถือเป็นระยะ จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเรียกตรวจสอบ

ขณะที่การสอบถามต่างด้าว ชาวเมียนมา ทั้ง14 คน ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมา ให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ และเดินข้ามมาในพื้นที่ จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถ เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย 20,000 บาท/คน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ถูกจับที่ 1 - 3 “ร่วมกัน รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” ผู้ถูกจับที่ 4 - 17 “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ภ.จว.นครสวรรค์ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

- 006