พลทหารเครียด
ยิงชาวบ้านเจ็บ2
ฆ่าตัวตายหนีผิด
เร่งสอบหาสาเหตุ
สลด! พลทหาร ใช้เอ็ม-16 ยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ราย ที่ จ.สุรินทร์ คาดปมเครียดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้บาดเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้ว ก่อนพบศพพลทหารรายดังกล่าว คาดยิงตัวตายหนีความผิด รอผลสอบชี้ชัดสาเหตุ ด้านแม่ทัพภาค2 เสียใจเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมเยียวยาเหยื่อ-ดูแลสภาพจิตใจทหารแนวหน้า
เมื่อเวลา 00.45 น.วันที่ 15 สิงหาคม พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ต่อมาในเวลา 00.54 น.ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่าพลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาว และกระสุนจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่ามีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ นายอนุวัฒน์ สิงห์ชัย อายุ 32 ปี ชาวบ้านเขื่อนแก้ว โดยถูกกระสุนปืนทะลุปอดด้านขวา อาการสาหัส แต่ยังรู้สึกตัว ขณะนี้ได้ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และนายยุทธนา นาประโคน อายุ 35 ปี ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดกระจกที่เท้าซ้าย อาการปลอดภัย ผู้บาดเจ็บทั้งสอง ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อไปรักษาโดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว
รองโฆษกกองทัพบก กล่าวต่อว่า ทางตำรวจสายตรวจ ร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่ และสอบถามพยานเบื้องต้น คาดว่าพลทหารรายดังกล่าว เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้บาดเจ็บ แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ จึงจัดกำลังออกตระเวนค้นหาพลทหารรายนี้
ต่อมานายชำนาญ ชื่นตา ผวจ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้พบตัวพลทหารรายดังกล่าวแล้ว โดยหลบซ่อนอยู่ในบริเวณป่าใกล้กับที่เกิดเหตุ จากนั้นเวลาประมาณ 09.20 น. พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ ได้ประสานให้บิดาของพลทหาร ช่วยเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ยอมวางอาวุธและมอบตัว
รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนทราบประวัติของพลทหารรัฐภูมิ ก่อนเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ ว่าเป็นผู้ที่มีบุคลิกเงียบขรึม ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยประจำการที่ปราสาทตาควาย ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 และอยู่ในช่วงเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เพิ่งลงมาจากปราสาทตาควาย เข้ามาที่กองร้อย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ส่วนสาเหตุที่พลทหารรัฐภูมิ ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างหาข้อมูล
ด้านนายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ระบุว่า ในเบื้องต้นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ รายงานว่าชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือนายอนุวัตน์ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลปราสาท มีภาวะลมในช่องอก เนื่องจากถูกอาวุธปืน และมีแผลเปิดบริเวณไหล่ซ้าย ได้รับการสอดท่อเพื่อระบายลมในช่องอก ขณะนี้อาการคงที่ ส่วนนายยุทธนา รักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์ มีแผลเปิดและกระดูกหัก ขณะนี้อาการคงที่เช่นเดียวกัน
ที่กองบัญชาการกองทัพบก วันเดียวกัน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีพลทหารรัฐภูมิ ซึ่งออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนและกระสุน ก่อนจะทำร้ายประชาชนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ในพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ว่าต้องขอแสดงความเสียใจกับประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทราบว่าขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ส่วนน้องทหารที่ก่อเหตุเจ้าหน้าที่กำลังติดตาม เพื่อป้องกันไม่ให้ก่อเหตุต่ออีก
พล.ท.บุญสิน กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังประกบตัวอยู่ และจะควบคุมตัวให้ได้ ทราบว่าเบื้องต้นอยู่ระหว่างการเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุว่าน้องทหารคนดังกล่าวได้รับผลกระทบในเรื่องใดบ้าง ต้องดูเหตุผลและพร้อมจะให้ความเป็นธรรม ในสภาวะสงครามมีเรื่องความเครียดในสนามรบอยู่แล้ว กองทัพจึงจำเป็นต้องเข้าไปดูแลเรื่องสุขภาพจิตของกำลังพลแนวหน้า โดยคณะแพทย์พยาบาลที่จะคอยประเมิน ว่าใครมีความสุ่มเสี่ยง ยอมรับว่าเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา ส่งผลต่อสุขภาพจิตกองกำลังพลที่อยู่หน้าแนว จึงได้เน้นย้ำผู้บังคับหน่วย ให้ลงไปดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทั่วถึงอย่างใกล้ชิด
“ได้ส่งทีมแพทย์ไปดูแลกำลังพล โดยเฉพาะคนที่สู้รบ ประเมินว่ากำลังพลใดมีเกณฑ์เสี่ยง แน่นอนว่าการสู้รบและเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อจิตใจ เป็นเรื่องที่เราเฝ้าระวังอยู่แล้ว” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
ช่วงสายวันเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้พบร่างของพลทหารรัฐภูมิ โดยพบเป็นศพอยู่บริเวณใกล้ๆ ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด นับตั้งแต่ก่อเหตุช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่วนรายละเอียดของคดียังต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และคำชี้แจงจากกองทัพบก อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่ พ.ต.หญิงกัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก ระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้พบพลทหารดังกล่าวเสียชีวิตในบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการอัตวินิบาตกรรม เนื่องจากพบหมวกเหล็กและอาวุธประจำกายวางอยู่ข้างลำตัว ขณะนี้กองทัพภาคที่ 2 ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและนิติเวชอยู่ ได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และชันสูตรพลิกศพ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ทั้งนี้ กองทัพบกขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในกระบวนการสืบสวนตามกฎหมาย และเร่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุดต่อไป
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงกรณีพลทหาร ก่อเหตุยิงประชาชนจนได้รับบาดเจ็บ ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ว่าผู้ที่รับผิดชอบต้องลงไปดูอย่างเอาใจใส่ ส่วนสถานการณ์ที่ทหารหรือผู้ที่อยู่หน้างานค่อนข้างเครียด ต้องส่งนักจิตวิทยาเข้าไปดูแลนั้น ขณะนี้ทุกหน่วยงานลงพื้นที่ไปหมดแล้ว
ส่วน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีพลทหารรายนี้ ว่าเบื้องต้นเป็นเรื่องของสภาพจิตใจ ช่วงการทำงานแต่ไม่ได้มีการคลั่ง ซึ่งตอนทำงานก็ปฏิบัติหน้าที่ได้ดี แต่เป็นคนที่เงียบขรึม และไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเป็นคนอารมณ์รุนแรง แต่อาจจะเป็นเพราะปฏิบัติหน้าที่มาเป็นเวลานาน มองด้วยสายตาอาจพิสูจน์ยาก ต้องใช้วิธีการพูดคุยให้มากขึ้น แต่บังเอิญเป็นช่วงที่มีสถานการณ์สู้รบ การสนทนากันอาจไม่เหมือนช่วงสถานการณ์ปกติ ยืนยันว่าที่ผ่านมาหน่วยได้ดูแลภาวะความเครียดของกำลังพล เพราะเป็นเรื่องสำคัญและอยู่ในวิธีการปฏิบัติอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้หน่วยของพลทหารคนดังกล่าว ปฏิบัติการรบที่ปราสาทตาเมือนธม แต่ปัจจุบันหมุนกำลังมาประจำที่ อ.ช่องจอม จ.สุรินทร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี