ร้านค้าหมู่บ้านชายแดน ยังไม่กล้าเปิด ทยอยย้ายไปอยู่บ้านญาติ ผวาปะทะซ้ำ

ร้านค้าหมู่บ้านชายแดน ยังไม่กล้าเปิด ทยอยย้ายไปอยู่บ้านญาติ ผวาปะทะซ้ำ

วันอังคาร ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 09.06 น.

ร้านขายก๋วยเตี๋ยว  อาหารตามสั่ง และขนมหวานในหมู่บ้านแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์  หลายร้านยังไม่กล้าเปิดขาย กลัวซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารแล้ว  เกิดการปะทะขึ้นของจะเน่าเสียขาดทุน  ขณะที่บางคนย้ายไปอยู่บ้านญาติต่างจังหวัดแล้ว เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน    ขณะเจ้าของสวนยางที่ถูกกระสุนปืนใหญ่ตกใส่ต้นยางเสียหาย วอนรัฐเร่งเยียว  เห็นด้วยทหารล้อมรั้วแนวชายแดนป้องกันไม่ให้เขมรรุกล้ำอธิปไตยและลอบวางทุ่นระเบิด

วันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์  ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา  ที่เปิดร้านขายอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว และขนมหวาน เพื่อเลี้ยงครอบครัว  หลายคนที่กลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านหลังอพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงนานกว่า 2 สัปดาห์  ยังไม่กล้าเปิดร้านขายของ  เกรงว่าหากซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารขาย แล้วเกิดการปะทะกันขึ้นของที่ซื้อไว้จะเน่าเสียประสบปัญหาขาดทุนซ้ำ  ทั้งเกรงว่าหากเปิดร้านแล้วเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นจะอพยพหนีไม่ทัน   ขณะที่บางคนก็เริ่มขนของย้ายไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดแล้ว   จนกว่าจะมั่นใจเหตุการณ์เปิดปกติจึงจะกลับเข้ามาในหมู่บ้านเหมือนเดิม   


ขณะเกษตรกรเจ้าของสวนยางพาราที่ถูกกระสุนปืนใหญ่ของฝั่งกัมพูชาตกใส่ ต้นยางเสียหาย  ก็เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงินเยียวยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เพราะนอกจากต้นยางพาราจะเสียหายแล้ว  ยังขาดรายได้ช่วงที่อพยพด้วย  

อย่างไรก็ตาม พ่อค้าแม่ค้า  ชาวบ้าน ตามแนวชายแดน  ต่างเห็นด้วยกับฝ่ายทหาร  ที่มีการล้อมรั้วหีบเพลงกำหนดเขตอธิปไตยของไทย เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำแผ่นดินและอธิปไตยไทย  ทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้ทหารกัมพูชาลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดในเขตแดนไทย ซึ่งจะทำให้ทหารที่ออกลาดตระเวนและชาวบ้านที่เข้าไปกรีดยาง  เหยียบกับระเบิดอาจทำให้บาดเจ็บเสียชีวิต   

ด้านนายสากล ชาวบ้านในตำบลสายตะกู อ.บ้านกรวด บอกว่า  ตนและภรรยา มีอาชีพเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง และกรีดยาง เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว   แต่ช่วงที่มีการสู้รบต้องอพยพหนี   ก็ไม่ได้เปิดทั้งร้านขายของ และกรีดยาง  รายได้กลายเป็นศูนย์ แต่พอมีการเจรจาหยุดยิงก็กลับเข้ามาดูบ้าน  แต่ตอนนี้ก็ยังไม่กล้าเปิดร้าน  เพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่ยังไม่มีอะไรชัดเจน  ตอนนี้ก็ได้แต่เตรียมเสื้อผ้า ข้าวของจำเป็น และเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์พ่วงข้างเอาไว้   หากเกิดการปะทะขึ้นก็พร้อมจะพาลูกเมียอพยพหนีทันที   หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลเร่งหาทางยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น  เพื่อให้ชาวบ้านกลับมาใช้ชีวิตและหากินได้อย่างปกติเหมือนเดิม 

ขณะที่ เจ้าของสวนยางอีกคน   บอกว่า  ช่วงที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา  เมื่อช่วงวันที่ 24 – 28 ก.ค.68  มีกระสุนปืนใหญ่ตกใส่สวนยางพาราเสียหายหลายต้น  จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาเลย   ทั้งช่วงที่อพยพหนีการสู้รบก็ยังขาดรายได้จากการกรีดยางขายอีกด้วย  ก็อยากให้ภาครัฐเร่งชดเชยเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยเร็วด้วย.
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top