ที่โรงแรมพูลแมน อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนางหลิว หงเหม่ย กงสุลใหญ่ สถานกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำ จ.ขอนแก่น เป็นประธานการประชุมการส่งเสริมการขนส่งและการท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟจีน ลาว ไทย ที่สถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงจัดขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งสามประเทศเข้าร่วมหารือมากกว่า 300 คน ทั้งนี้ ภายในเวทีการประชุมมีการจัดนิทรรศการและจัดแสดงสินค้าที่น่าสนใจจากผู้จัดแสดง 25 ราย และการประกาศ 10 อันดับจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภาคอีสาน จากการสำรวจออนไลน์ พร้อมการจัดประชุมย่อยเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ส่งเสริมการอภิปรายเชิงลึก และการจับคู่ธุรกิจสำรวจโอกาสความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมประชุม
นางหลิว หงเหม่ย กงสุลใหญ่ สถานกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีทองของความสัมพันธ์ไทย-จีนครบ 50 ปี พร้อมเน้นย้ำถึงศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ของภูมิภาค "ระหว่างสองปีที่ได้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ ได้เดินทางทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย พบว่าภูมิภาคนี้มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนด้านภูมิศาสตร์ อุตสาหกรรม และการพัฒนา พร้อมด้วยศักยภาพในการเจริญเติบโตอย่างมหาศาล อีสานตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมสำคัญสำหรับรถไฟจีน-ไทย ซึ่งเป็นโครงการหลักของการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง สิ่งนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเป็นผู้เล่นหลักในเครือข่ายการเชื่อมโยงระดับภูมิภาค"
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงบทบาทของรถไฟในการส่งเสริมการท่องเที่ยว "รถไฟจีน-ลาว-ไทยได้กลายเป็นตัวเชื่อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่แค่เชื่อมโยงทางกายภาพ แต่เป็นหลอดเลือดแห่งการเจริญเติบโตใหม่ และ 'กระดูกสันหลังการท่องเที่ยว' ที่สามารถเชื่อมโยงจุดหมายปลายทางที่หลากหลายทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และสร้างสรรค์ทั่วภูมิภาคของเรา"
การเชื่อมโยงนี้ไทยในฐานะศูนย์กลางการขนส่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน รถไฟถูกมองว่าเป็นตัวกระตุ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนและเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์การค้า สิ่งนี้ไม่เพียงแต่วางตำแหน่งกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ แต่ยังรวมถึงจุดหมายปลายทางที่กำลังเกิดขึ้นใหม่อย่างหนองคาย อุดรธานี และขอนแก่น เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคที่ยั่งยืน
ขณะที่นายดาวจินดา สีหาราด ผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว ภายใต้กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง กล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดใช้รถไฟจีน-ลาวในปี 2564 ในลาว รถไฟได้กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ลดต้นทุนการขนส่ง เพิ่มกระแสการค้า และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการท่องเที่ยว ได้เปลี่ยนลาวให้เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงทางบก เชื่อมต่อเรากับตลาดระดับภูมิภาคและโลก "ด้วยการบูรณาการเข้ากับเครือข่ายรถไฟของไทย สามประเทศของเราขณะนี้พร้อมที่จะสร้างเส้นทางรถไฟต่อเนื่องที่เชื่อมโยงดินแดนภายในของจีนกับใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และต่อไป นับตั้งแต่เปิดใช้งาน รถไฟจีน-ลาวมีส่วนช่วยให้เกิดการเติบโตของ GDP เฉลี่ยต่อปีร้อยละ 4 ในลาว กระตุ้นการขยายตัวในด้านโลจิสติกส์ การผลิต และการท่องเที่ยว และสร้างงานทางอ้อม 120,000 ตำแหน่ง มีผู้โดยสารกว่า 10 ล้านคนเดินทาง” นายดาวจินดา
ขณะนี้มีการขนส่งสินค้ามากกว่า 3,000 ประเภท การส่งออกรายวันรวมถึงผลไม้เมืองร้อนกว่า 2,000 ตัน ซึ่งมากกว่า 1,400 ตันเป็นทุเรียน เพิ่มขึ้นร้อยละ 200 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว อุปทานส่วนใหญ่มาจากไทย ซึ่งได้รับประโยชน์จากระบบจัดส่งห่วงโซ่ความเย็นแบบเต็มรูปแบบ 40 ชั่วโมงสำหรับจีน รถไฟขณะนี้เชื่อมต่อ 31 มณฑลและเมือง และขยายไปยัง 19 ประเทศและภูมิภาคภายใต้ริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
ด้านนายสุริยันต์ วิจิตรเลขการ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (MI) กล่าวว่า หัวใจของความร่วมมือในระดับภูมิภาคคือการเชื่อมต่อการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางรถไฟ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นการสร้างเส้นทางเศรษฐกิจเชิงกลยุทธ์ที่สามารถส่งเสริมการเติบโต เสริมสร้างความยืดหยุ่น และเพิ่มความลึกของการบูรณาการทั่วอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน ด้วยการเชื่อมโยงโลจิสติกส์และการท่องเที่ยวกับอุตสาหกรรมเกิดใหม่อย่างสุขภาพ บริการสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ สามารถขยายประโยชน์ของเส้นทางเศรษฐกิจนี้สำหรับทุกฝ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี