'อมลวรรณ' กำชับใช้ข้อบังคับคุรุสภาสะสางคดีผู้ประกอบวิชาชีพให้รวดเร็ว

'อมลวรรณ' กำชับใช้ข้อบังคับคุรุสภาสะสางคดีผู้ประกอบวิชาชีพให้รวดเร็ว

วันอาทิตย์ ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 14.59 น.

“อมลวรรณ” คลี่ข้อบังคับใหม่ “คุรุสภา” ปรับกระบวนการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพรวดเร็วขึ้น - คุ้มครองผู้รับบริการ-คงมาตรฐานการอำนวยความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบวิชาชีพ ผิดร้ายแรงพักใช้ใบอนุญาตฯไม่ต้องรอ กมว.

ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.2568 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ซึ่งข้อบังคับใหม่นี้ ปรับกระบวนการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพให้มีความรวดเร็ว คุ้มครองผู้รับบริการ และคงมาตรฐานการอำนวยความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ในประเด็นสำคัญ คือ 1.เพิ่มช่องทางการยื่นเรื่องกล่าวหาหรือกล่าวโทษผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์  2.ปรับกระบวนการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพให้มีความรวดเร็วมากขึ้น 3.ปรับปรุงเงื่อนไขในการพิจารณาวินิจฉัยพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทุกประเภทไว้ก่อน โดยไม่ต้องรอผลการสอบสวน ของคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) เพื่อคุ้มครองผู้รับบริการทางการศึกษาในพฤติกรรมการกระทำความผิดในลักษณะร้ายแรงและเกิดความเสียหายต่อวิชาชีพอย่างร้ายแรง และ 4.ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการสอบสวน โดยให้บุคลากรของหน่วยงานทางการศึกษาทุกสังกัดในพื้นที่จังหวัด ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ด้านกฎหมายและมีประสบการณ์สอบสวน สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นอนุกรรมการ และเลขานุการในคณะอนุกรรมการสอบสวนได้


“ จากนี้กระบวนการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ จะมีความรวดเร็วมากขึ้น ตามที่กำหนดในข้อบังคับ คือ 1.กรณีเรื่องกล่าวหาหรือกล่าวโทษที่สืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว มีมูลเป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพไม่ร้ายแรง  และได้แจ้งข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษและสรุปพยานหลักฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษทราบ พร้อมทั้งรับฟังคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษแล้ว กมว. สามารถพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดให้ ตักเตือน หรือ ภาคทัณฑ์ ตามควรแก่กรณี โดยไม่ต้องดำเนินการสอบสวน (ตามข้อ 16 ของข้อบังคับคุรุสภาฯ)  2.กรณีเรื่องกล่าวหาหรือกล่าวโทษผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ และเป็นกรณีความผิดปรากฏชัดแจ้ง และได้แจ้งข้อกล่าวหา หรือข้อกล่าวโทษ และสรุปพยานหลักฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษทราบ พร้อมทั้งรับฟังคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษแล้ว (ตามข้อ 72 ของข้อบังคับคุรุสภาฯ) กมว.สามารถพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด โดยไม่สอบสวน หรืองดการสอบสวนก็ได้ ทั้งนี้ ถือปฏิบัติตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับ ”

เลขาธิการคุรุสภา กล่าวต่อไปว่า ข้อบังคับใหม่นี้ได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขในการพิจารณาวินิจฉัยพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทุกประเภทไว้ก่อน โดยไม่ต้องรอผลการสอบสวนของ กมว. ในพฤติกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพที่กระทำความผิดในลักษณะร้ายแรง ดังนี้ 1.เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือการค้าประเวณี หรือการค้ามนุษย์ 2.กระทำล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียน หรือนักศึกษา หรือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือบุคคลอื่น 3.กระทำอนาจาร หรือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้  อันเกิดความเสียหายต่อวิชาชีพอย่างร้ายแรงและเป็นที่ประจักษ์ชัด และ 4.กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หรือทุจริตต่อหน้าที่  หรือเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ หรือเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน และถูกฟ้องคดีอาญา ซึ่งทั้ง 4 เรื่องนี้ หน่วยงานต้นสังกัดต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ 1.มีคำสั่งลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง 2.มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงและพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน หรือให้ออกจากหน้าที่การปฏิบัติงาน และมีการแจ้งข้อกล่าวหาในการดำเนินคดีอาญา หรือ 3.หน่วยงานบังคับบัญชาที่มิใช่ราชการ สั่งให้ออกจากหน้าที่การปฏิบัติงาน และมีการแจ้งข้อกล่าวหาในการดำเนินคดีอาญา

เลขาธิการคุรุสภา กล่าวด้วยว่า หากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาผู้ใดถูก กมว. วินิจฉัยชี้ขาดให้ตักเตือน หรือภาคทัณฑ์ หรือพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมีกำหนดเวลาไม่เกิน 5 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาต จะมีผลกระทบต่อการประกอบวิชาชีพทางการศึกษาด้วย คือ 1.ถูกบันทึกประวัติการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพไว้ในระบบสารสนเทศผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เพื่อประกอบการพิจารณาลักษณะต้องห้ามในการขอใบอนุญาตหรือการต่ออายุใบอนุญาต 2.กรณีถูกพักใช้ใบอนุญาต จะมีผลให้ผู้ประกอบวิชาชีพบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบวิชาชีพต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาพักใช้ใบอนุญาต และ 3.กรณีถูกเพิกถอนใบอนุญาต จะมีผลให้ผู้ประกอบวิชาชีพบุคคลนั้นต้องออกจากวิชาชีพ

“ คุรุสภา และ กมว. ให้ความสำคัญต่อการพิจารณาฯ ให้มีความรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ และเป็นไปเพื่อคุ้มครองผู้รับบริการทางการศึกษา และดำเนินการเชิงรุก โดยสร้างความตระหนักรู้ในการประพฤติปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ โดยเฉพาะครู และผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มวิชาชีพที่ใกล้ชิดกับนักเรียน พร้อมทั้งขอความร่วมมือหน่วยงานต้นสังกัดของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาทุกสังกัด กำกับดูแล และรณรงค์ส่งเสริมให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาประพฤติปฏิบัติตามจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง ” เลขาธิการคุรุสภา กล่าว. 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top