บ้านหนองจานยังระอุ
เขมรระดมคนปักหลักค้างคืน
บี้ไทยรื้อคำสั่งไล่กลับปท.
กกล.บูรพาตรึงกำลังเข้ม
“บิ๊กเล็ก” ประชุม “ศบ.ทก.” ครั้งสุดท้ายถกประเด็นนำเข้า GBC เห็นชอบสร้างรั้ว “บ้านหนองจาน” แต่ต้องคุยเขมรให้ชัดปมเขตแดนเป็นคลอง สกัดอ้างสิทธิ์ ด้านโฆษก ศบ.ทก.ยัน
ยังอยู่แม้เปลี่ยนรบ. กองทัพ-ฝ่ายความมั่นคงทำงานต่อในกรอบกม.ที่ให้อำนาจไว้ การเยียวยาเหยื่อปะทะชายแดนไม่สะดุด ขณะที่กองทัพไทยจัดพิธีสดุดี 15 ทหารกล้า อาลัย 14 เหยื่อผู้บริสุทธิ์ เหตุสู้รบไทย-กัมพูชา ส่วนสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองจาน จ.สระแก้วไร้ปะทะ แต่ยังตึงเครียด กองกำลังบูรพาตรึงกำลังเข้ม จับตา 24 ชม. หวั่นเกิดเหตุบานปลาย เพราะเขมรยังมีการระดมคนปักหลักค้างคืน มุ่งกดดันไทย ให้ถอนป้ายคำสั่งรื้อชุมชนและอพยพชาวบ้านกลับปท.และรื้อรั้วลวดหนาม เช่นเดียวกับ กองทัพภาคที่ 2 พบเขมรก่อกระสอบทรายและใช้ท่อนไม้กั้นฐานที่มั่น–เจอโดรน 6 ลำ จึงต้องติดตามเฝ้าระวัง
เมื่อวันที่ 5 กันยายน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) รายงานสถานการณ์ชายแดน 11 จุด ใน 7 จังหวัดว่า โดยรวมยังปกติ กองทัพไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาและป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยในทุกรูปแบบ โดยเช้าวันนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา
ม็อบเขมรที่สระแก้วคลี่คลายแล้ว
สำหรับกรณีชาวกัมพูชาประมาณ 150 คน รวมตัวประท้วงใกล้บริเวณหลักเขตแดนที่ 46 เนื่องจากไม่พอใจการติดป้ายของ จ.สระแก้ว กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง บริเวณ บ.หนองจาน และ บ.หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ให้ประชาชนชาวกัมพูชา 170 หลังคาเรือนย้ายออกจากพื้นที่รุกล้ำประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา กองทัพและตำรวจจัดกำลังเข้าดูแลสถานการณ์ พร้อมประสานฝ่ายกัมพูชาให้ควบคุมประชาชนไม่ให้เกิดการยั่วยุบริเวณพื้นที่ชายแดน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายแล้ว
นายจิรายุกล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน กองทัพบกและกระทรวงการต่างประเทศนำคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) ประจำกรุงเทพฯ เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา 18 นาย ที่สถานที่ควบคุมตัวในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 โดยกองทัพบกเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ ICRC เข้าพบและพูดคุยกับเชลยศึกอย่างอิสระ ให้มีการตรวจสุขภาพ ซึ่งทุกนายมีสุขภาพแข็งแรง
ศบ.ทก.เห็นชอบสร้างรั้วบ้านหนองจาน
เวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทนรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.)ว่า จะพิจารณาเรื่องนำไปประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (GBC) วันที่ 10 กันยายน ส่วนการสร้างรั้วบริเวณบ้านหนองจาน ศบ.ทก. เห็นชอบในหลักการโดยให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พิจารณารายละเอียด ซึ่งการสร้างรั้วไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมที่ปรึกษาได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่าเขตแดนอยู่ลำคลอง การสร้างรั้วบนตลิ่ง ทีมที่ปรึกษาได้ขอให้พิจารณาในรายละเอียด
เล็งถกเขมรปมเขตแดนให้ชัดหวั่นถูกฮุบ
ทั้งนี้ เพราะอนาคตกัมพูชาอาจทึกทักเอาว่าเขตแดนของไทยอยู่ที่แนวรั้ว ซึ่งข้อเท็จจริงฝ่ายความมั่นคงบอกว่ารั้วไม่ได้หมายถึงเขตแดน แต่หมายถึงเครื่องกีดขวางทางด้านความมั่นคง สกัดกั้นอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งที่ปรึกษาเป็นห่วง เพราะกัมพูชาไม่ได้สนใจรายละเอียด ดังนั้น สิ่งที่ที่ปรึกษาได้ให้ข้อสังเกตไว้ควรมีข้อตกลงให้ชัดเจนทั้งสองฝ่ายก่อนดำเนินการ พร้อมให้คำแนะนำว่าไทยต้องขอสงวนสิทธิ์ใช้พื้นที่กลางลำคลองด้วย ไม่เช่นนั้นเขมรจะยึดทั้งหมดเป็นเขตแดนของเขา จึงอยากให้สื่อช่วยทำความเข้าใจกับสังคมด้วย
ถกจีบีซีเฉพาะประเด็นที่ไม่ผูกพันรบ.ใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจะไปประชุม GBC ขณะที่มีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลดำเนินการได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เป็นเรื่องที่หนักใจพอสมควร ตนปรึกษาเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ คงต้องไป ถ้าไม่ไปประเทศชาติจะเสียประโยชน์ ขณะที่กัมพูชาแล้วแต่ประเทศไทยว่าจะไปหรือไม่ไป ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการต่างประเทศให้คำแนะนำว่าประเด็นใดที่จะผูกพันไปถึงรัฐบาลใหม่ขอให้หลีกเลี่ยง ให้ประชุมเฉพาะประเด็นที่ประเทศได้ประโยชน์
ถกGBCเน้นเรื่องเดิม‘กู้ระเบิด-ปราบแก๊งคอลฯ’
ถามต่อว่า การประชุมวันที่ 10 กันยายน จะไม่มีข้อสรุปเงื่อนไขเดิมที่เคยคุยไว้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะพูดคุยเรื่องเดิมที่ยังไม่คืบหน้าคือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สแกมเมอร์ และประเด็นบ้านหนองจาน เดิมจะนำประเด็นเรื่องบ้านหนองจานไปหารือในที่ประชุม GBC แล้วนำกลับมาให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าฯบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาคุยจัดทำรายละเอียด ถ้าไม่คืบหน้าจะดำเนินการในแง่กฎหมาย แต่เมื่อวันพุธที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ผู้ว่าฯสระแก้วขอนำเรื่องเข้าที่ประชุม ศบ.ทก.พร้อมขอความเห็นใจ ประชาชนไปกดดันถ้าไม่ดำเนินการจะแจ้งความเอาผิดมาตรา 157 ขั้นตอนเลยต้องสลับกัน ซึ่งที่ประชุมเห็นใจผู้ว่าฯ และให้ดำเนินการไปก่อน โดยให้คุยกับผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจยของกัมพูชา ซึ่งจะคุยกันวันที่ 8 กันยายน คาบเกี่ยวกับการที่จะมีการประชุม GBC
ถกศบ.ถก.ครั้งสุดท้ายรอรบ.ใหม่
พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า บางครั้ง ศบ.ทก. และรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้อย่างที่ต้องการ หรือวางแผนไว้ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย เมื่อประชาชนบอกว่ารอการประชุม GBC วันที่ 10 กันนายนไม่ได้ จึงขอให้ผู้ว่าฯสระแก้วอนุมัติดำเนินการก่อน โดยศบ.ทก. เห็นชอบเบื้องต้น จึงจะนำเข้าที่ประชุม สมช.วันนี้ เพราะไม่ทราบว่าจะประชุม ศบ.ทก.อีกหรือไม่ เพราะคำสั่งใดที่รัฐบาลเดิมแต่งตั้งไว้ เมื่อรัฐบาลสิ้นสุดก็จะหมดไปด้วย ยืนยันเราไม่ได้ยุบ ศบ.ทก. แต่จะสิ้นสุดไปตามรัฐบาล วันนี้อาจเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย เมื่อถามว่า ได้รับการติดต่อทาบทามจากว่าที่รัฐบาลใหม่ ให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีอีกหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่มีเลย ถามย้ำว่า ถ้าได้รับการติดต่อสนใจช่วยงานต่อหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า น่าจะมีคนที่มีความสามารถ ตนคิดว่าอย่างนั้น ไม่ได้คิดว่าเขาจะมาทาบทาม คิดอย่างเดียวว่าน่าจะมีคนทำได้ดีกว่า
ศบ.ทก.ยังอยู่-เหล่าทัพร่วมลุยงานเขมรต่อ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงหลังประชุมศบ.ทก.ว่า สถานการณ์ทั่วไปทั้งสองฝ่ายยังตรึงกำลังในที่ตั้ง โดยสถานการณ์ภาพรวมยังอยู่ในความสงบเรียบร้อย ส่วนกรณีที่ประชาชนห่วงใย บทบาทหน้าที่ของ ศบ.ทก.ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลนั้น ตนขอให้ความมั่นใจและความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า ความมั่นคงการปฎิบัติด้านความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายแดนไทย-กัมพูชา และเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องเรามีกฎหมายรับรองอยู่ โดยมอบอำนาจให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.) ตลอดจนผู้บัญชาการเหล่าทัพ แม่ทัพภาค ผู้บัญชาการกองกำลังต่างๆ ดำเนินการได้ตามตัวบทกฎหมาย โดยมีกฎการใช้กำลังที่มีขั้นตอนการปฎิบัติชัดเจน และมีกฎหมายรองรับตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการ กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ศบ.ทก. ก็ยังยืนยันดำเนินการ ถึงแม้จะมีบทบาทน้อยลง แต่การปฎิบัติของกระทรวงกลาโหม กองทัพและหน่วยงานความมั่นคงต่างๆที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการ อย่างต่อเนื่อง โดยมีกลไกรองรับทุกสถานการณ์ทุกกรณี
กต.อัดซ้ำเขมรบิดเบือนประเด็น-ใช้ปชช.ยั่วยุ
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเรื่องการใช้พลเรือนสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 4 กันยายน. ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาแถลงประท้วงรัฐบาลไทย ซึ่งที่จริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย กระทรวงการต่างประเทศได้ตอบโต้เรื่องนี้แล้ว และขอเรียนย้ำว่ามาตรการและการดำเนินการต่างๆของรัฐบาลอยู่ในเขตอธิปไตยของไทยโดยสมบูรณ์ โดยดำเนินการตามกฏหมายไทยที่สอดคล้องกับหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เขมรพยายามเบี่ยงเบนประเด็น กล่าวอ้างซ้ำๆว่าประชาชนของตนอยู่ในพื้นที่มานาน โดยไม่เคารพข้อตกลงและพันธกรณีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนและเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้นำพลเรือนออกมาอยู่แนวหน้า โดยบางส่วนได้มีการถืออาวุธพร้อมใช้คำยั่วยุ และพยายามขับไล่ทหารไทย ดังนั้น การดำเนินการของไทยทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นสิทธิ์ที่ชอบธรรมของไทยในการปกป้องอธิปไตย
จี้เขมรหยุดปลุกระดม-จัดฉาก
“กัมพูชาไม่เคารพข้อตกลงหยุดยิง และกรอบข้อตกลง GBC และ RBC ถือว่าไม่ยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่สร้างสรรค์ บั่นทอนบรรยากาศสันติภาพอย่างร้ายแรง ไทยขอประณามพฤติกรรมเหล่านี้ และขอย้ำอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลไทยไม่มีนโยบายทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างที่เขมรทำอยู่ และกองทัพไทยยังตรึงกำลังอย่างอดทนอดกลั้นตามมาตรการที่ได้เตรียมไว้ พร้อมแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และไทยขอเรียกร้องให้เขมรยุติการปลุกระดม การจัดฉาก ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดขณะนี้”นางมาระตีกล่าว และว่า เขมรยังเผยแพร่ข่าวปลอมบิดเบือนต่อเนื่อง และการปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเขมรเข้าถึงข้อมูลเว็บไซต์ฝ่ายไทย ซึ่งน่าเป็นห่วง แต่ฝ่ายไทยจะไม่ตอบโต้ด้วยการบิดเบือนหรือแสดงละครเพื่อหลอกลวงนานาประเทศ แต่จะยืนยันข้อเท็จจริงด้วยหลักฐานที่พิสูจน์ได้
รบ.ยันเยียวยาเหยื่อปะทะชายแดนไม่สะดุด
ขณะที่น.ส.ศศิกานต์ วัฒนจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลขอยืนยันว่าแม้จะอยู่ช่วงเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนผ่านทางการเมือง แต่การดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งนี้จะดำเนินต่อเนื่อง ทุกกระทรวงทบวง กรม ได้ทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณผู้เยียวยาผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บและผู้ได้รับผลกระทบทุกท่าน รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติทุกท่านอย่างดีที่สุด
“ถึงแม้จะเป็นช่วงรอยต่อทางการเมืองของรัฐบาล ขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจการช่วยเหลือเยียวยาจะไม่สะดุดรัฐบาลจะเดินหน้าภารกิจนี้อย่างเต็มกำลัง เพื่อปกป้องดูแลและฟื้นฟูจนกว่าประชาชนทุกคนจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย 100%”รองโฆษกรัฐบาลกล่าว
กองทัพไทยจัดพิธีสดุดี15ทหารกล้า
ที่กองบัญชาการกองทัพไทย กองบัญชาการกองทัพไทย จัดพิธี “สดุดีวีรชนทหารกล้า อาลัยประชาชนผู้บริสุทธิ์” เพื่อเชิดชูเกียรติและตอบแทนความเสียสละของกำลังพล 15 นายที่พลีชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินและอธิปไตยของชาติ พร้อมทั้งร่วมไว้อาลัยต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ 14 รายจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย–กัมพูชาระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคม 2568 มีการวางพวงมาลา ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีพลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน มีผู้ร่วมงาน อาทิ พลโทบุญสิน พลาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ผู้ว่าฯกทม. ข้าราชการ พร้อมผู้แทนหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และประชาชนกว่า 4,440 คน ร่วมแสดงพลังแห่งความสำนึกในคุณงามความดี จากนั้นมีพิธีบำเพ็ญกุศลและมีพิธีสวดมนต์ “รวมพลังจักรพรรดิ รวมใจภักดิ์รักษ์แผ่นดิน” โดยหลวงตาม้า ณ สโมสร กองบัญชาการกองทัพไทย
กองบัญชาการกองทัพไทยขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย พร้อมทั้งขอสดุดี “ทหารตัวเล็ก ๆ ที่มีหัวใจอันยิ่งใหญ่” และขอดวงวิญญาณของทุกท่านจงสถิตในสุคติภูมิ อันสงบร่มเย็นร่วมกับบรรพชนผู้กล้าในอดีตกาล เพื่อเป็นแรงศรัทธาให้คนไทยทุกคนสืบทอดเจตนารมณ์นักรบไทยจากรุ่นสู่รุ่น และยืนหยัดปกป้องผืนแผ่นดินด้วยความสามัคคีตราบนานเท่านาน
กกล.บูรพาตรึงชายแดนสระแก้ว
ด้านกองกำลังบูรพาสรุปสถานการณ์หน้าแนวชายแดนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 หน่วยงานจังหวัดสระแก้ว ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 สาขาปราจีนบุรี เข้าไปติดตั้งป้ายประกาศในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ให้ราษฎรกัมพูชาที่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเข้ามาฝั่งไทย ต้องรื้อถอนและออกจากพื้นที่ดังกล่าว การติดตั้งป้ายประกาศนี้กระตุ้นความไม่พอใจของราษฎรกัมพูชาที่อยู่อาศัยในพื้นที่พิพาท นำไปสู่การรวมตัวประท้วงวันที่ 4 กันยายน ตั้งแต่เวลา 09.30 น. โดยได้มีราษฎรกัมพูชาประมาณ 200 คน รวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน เพื่อแสดงการประท้วง การรวมตัวอยู่ในลักษณะกดดันเชิงสัญลักษณ์ ยังไม่พบพฤติกรรมใช้ความรุนแรงโดยตรง แต่มีความพยายามเคลื่อนไหวเข้าใกล้จุดติดตั้งป้าย
กองกำลังบูรพาประเมินว่าถ้าปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปโดยไม่ควบคุม อาจนำไปสู่การรื้อทำลายเครื่องกีดขวาง และบานปลายเป็นเหตุเผชิญหน้าได้ จึงสั่งหน่วยกำลัง พร้อมกำลังตำรวจในพื้นที่เข้าตรึงกำลังเชิงป้องปราม โดยนำกำลังเข้าควบคุมพื้นที่หลัก ได้แก่ ฉก.12 ,ฉก.ตาพระยา ,ร้อย.ฉก.ตชด.4 และ กองร้อยควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ซึ่งรูปแบบปฏิบัติเน้นสกัด กันชน กดดันเชิงจิตวิทยา เพื่อไม่ให้มวลชนกัมพูชาเข้าถึงเครื่องกีดขวาง ควบคุมพื้นที่ป้องกันไม่ให้เหตุลุกลามเป็นการปะทะโดยตรง
ผลการปฏิบัติเวลา 18.30 น. กลุ่มมวลชนกัมพูชาทยอยแยกย้ายกลับโดยสงบ-เวลา 22.00 น. ไม่มีกลุ่มมวลชนกัมพูชาหลงเหลือในพื้นที่ ไม่มีกำลังพลของหน่วย หรือราษฎรกัมพูชาบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งกกล.บูรพาควบคุมสถานการณ์ได้เด็ดขาด โดยไม่ต้องใช้มาตรการรุนแรง เหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
เขมรป่วนวันที่2!ระดมคนปักหลักค้างคืน
ช่วงเช้าวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้วว่า สถานการณ์โดยรวมยังสงบ แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจตรึงกำลังเข้มหน้าแนวชายแดน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ต่อมาเวลา 14.20น. มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวเขมรหัวรุนแรง ออกมาระดมชาวบ้านต่อต้านขัดขวางเจ้าหน้าที่ไทยในพื้นที่ มีการเร่งมือสร้างเพิงพัก เพื่อใช้เป็นจุดสั่งการและที่พัก ขณะที่ฝั่งกัมพูชามีรายงานว่า มีการประกาศระดมคนจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เป้าหมายให้มารวมตัวที่ชายแดนบ้านหนองจานเป็นวันที่สอง เพื่อแสดงพลังกดดันไทย เมื่อคืนที่ผ่านมา มีกลุ่มคนเขมรจำนวนหนึ่งปักหลักค้างคืนในพื้นที่ พร้อมสร้างเต็นท์พักเพิ่มเติม สถานการณ์ดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อกำลังพลไทยที่ดูแลแนวชายแดน เนื่องจากลักษณะการรวมตัวเริ่มขยายวงกว้างและอาจกระทบความมั่นคงได้
จนท.ไทยเฝ้าระวังสถานการณ์24ชม.
ด้านแหล่งข่าวด้านความมั่นคงย้ำว่า เจ้าหน้าที่ไทยยังยึดหลักความอดทน รอบคอบและปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบการปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรง ลดโอกาสปะทะ พร้อมจับตาความเคลื่อนไหวฝั่งกัมพูชาใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง หากสถานการณ์ยกระดับ อาจต้องประชุมด่วนเพื่อกำหนดแนวทางรับมือ
ขณะเดียวกัน บรรยากาศในหมู่บ้านหนองจานชาวบ้านได้ทำอาหาร ก๋วยเตี๋ยวมาเลี้ยงทหารแนวหน้าต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจไม่ขาดสาย ฝั่งกัมพูชามีสื่อมวลชนเข้ามาบันทึกภาพความเคลื่อนไหวทุกระยะ บรรยากาศตลอดแนวชายแดนจึงยังคงถูกจับตามองทั้งจากภาครัฐ สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป เนื่องจากสถานการณ์อาจทวีความตึงเครียดมากขึ้นได้ทุกเมื่อ.
เขมรก่อกระสอบทรายล้อมที่มั่น-เจอโดรน6ลำ
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาประจำวันที่ 5 กันยายน 2568 จนถึงเวลา 14.00 น.สถานการณ์โดยรวมตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา มีการก่อกระสอบทรายและใช้ท่อนไม้ปรับปรุงที่มั่นในบางพื้นที่ และตรวจพบโดรน 6 ลำ ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังวางกำลังตามแนวที่มั่นของตัวเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์
ส่วนการดูแลผู้อพยพ สนับสนุนส่วนราชการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน อำนวยความสะดวกประชาชน จากพื้นที่เสี่ยงภัยไปพื้นที่รวบรวมพลเรือนในจ.สุรินทร์ 3 ศูนย์ ปัจจุบันมียอดรวม 192 คน เพราะวิตกกังวล และยังไม่มั่นใจสถานการณ์ในพื้นที่ ทั้งนี้ ทางฝ่ายปกครองจัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้าดูแลบ้านเรือนประชาชนที่อพยพอย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี