กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดงานใหญ่ขับเคลื่อนภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย (TMA) ปี 2568 ร่วมมือ 23 หน่วยงาน ระดมสมองบริหารจัดการฟื้นฟูยกระดับป่าชายเลน 250,000 -500,000 ไร่ สร้างสมดุลสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตประชาชนระยะยาว
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่โรงแรมทีเค พาเลซ & คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดโครงการขับเคลื่อนภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย หรือ Thailand Mangrove Alliance (TMA) ประจำปี พ.ศ.2568 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.สนิท อักษรแก้ว ประธานกรรมการภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดฯ และ ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ผู้แทนเครือข่ายจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมกว่า 100 องค์กร เข้าร่วมการประชุม พร้อมกันนี้ ได้จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู และปกป้องทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ครั้งที่ 3 โดยมีผู้แทนเครือข่ายกว่า 23 หน่วยงาน ร่วมลงนามและจัดพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ “TMA Awards” ให้กับองค์กรที่ร่วมขับเคลื่อนงานอนุรักษ์ป่าชายเลน จำนวน 6 ภาคส่วน ได้แก่ ภาคชุมชน ภาคเอกชน ภาค NGO ภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมระดมความคิดเห็นเพื่อให้ข้อเสนอแนะต่อโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ TMA และหารือเพื่อกำหนดโครงการนำร่อง (Quick Win Projects) ที่จะดำเนินการในปี พ.ศ. 2569 เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกที่เป็นรูปธรรมในด้านความยั่งยืน
ศาสตราจารย์ ดร.สนิท อักษรแก้ว ประธานกรรมการภาคีเครือข่ายฯ กล่าวว่า การอนุรักษ์ป่าชายเลนเป็นการรักษาความมั่นคงของระบบนิเวศ ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ป่าชายเลนทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันคลื่นลมและการกัดเซาะชายฝั่ง รวมทั้งช่วยลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนยังเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน สนับสนุนการประมงพื้นบ้าน สร้างรายได้ให้กับชุมชนชายฝั่ง และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอีกด้วย
ด้าน ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย (TMA)ว่าเป็นแพลตฟอร์มกลางที่ กรม ทช.ริเริ่มขึ้นในปี 2567 เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนของประเทศ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศที่ผ่านมา ได้แก่ Mangrove for the Future (2549-2561) และ Dow & Thailand Mangrove Alliance (2562-2566) ซึ่ง TMAไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่เป็นการต่อยอดจากรากฐานของการอนุรักษ์และความร่วมมือที่มีอยู่เดิม ที่เน้นการฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลนอย่างบูรณาการ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม โดยมีชุมชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา
อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวอีกว่า การขับเคลื่อนภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทยจะดำเนินการตามโรดแมป ซึ่งประกอบด้วย 5 แนวทางหลัก ได้แก่ 1) การอนุรักษ์และฟื้นฟู 2) การวิจัย นวัตกรรมและการนำไปใช้ประโยชน์ 3) การให้ความรู้ สร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของชุมชน 4) การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และ 5) การพัฒนากลไกทางการเงินและกฎหมาย โดยตั้งเป้าหมายยกระดับพื้นที่ป่าชายเลน 250,000 ไร่ ให้เป็นป่าชายเลนสำหรับชุมชน ภายในปี 2570 รวมถึงฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนไม่น้อยกว่า 500,000 ไร่ และบริหารจัดการพื้นที่ป่าชายเลน 30% ของพื้นที่ป่าชายเลนคงสภาพ ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่ง 24 จังหวัด ทั่วประเทศ ภายในปี 2573 อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนเป้าหมายระดับชาติ ที่จะบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net-Zero Emission เป้าหมายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ทางบกและทางทะเล ดังนั้น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรต่างๆที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาคีเครือข่าย TMA เพื่อร่วมกันวางรากฐานการจัดการทรัพยากรป่าชายเลนอย่างยั่งยืน สนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี