“บิ๊กเต่า” จ่อเปิดคดีใหม่พระวัดดัง ย่านจ.ปทุมธานี เอี่ยวเงินวัด-โยงสีกา ส่วนทนายอนันต์ชัยเตือนให้รีบชี้แจง เหตุฝั่งสีกาแจ้งความแล้ว ด้านปมวัดบางคลาน พบ 10 ปี เงินหายจากวัด 35ล้านบาท ตร.จ่อใช้ กม.ดำเนินการ หลังจากใช้หลักรัฐศาสตร์ ไม่ได้ผล พบมีคนนอกเอี่ยวเป็นกลุ่มเครือญาติของพระที่บวชที่วัด
เมื่อวันที่ 15 กันยายน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวถึงกระแสข่าวพระวัดดัง จ.ปทุมธานี มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัด 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่าเรื่องนี้ทราบว่ามีผู้แจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับมาถือว่าน่าสนใจพอสมควร ส่วนสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่ จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ
รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ และประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดีย ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี แต่จะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน คาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน
ด้านนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2561 โดยมีสีการายหนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประเทศเยอรมัน จากนั้นได้ถูกพระวัดแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ฟ้องแพ่ง เกี่ยวกับเงินของวัด เนื่องจากพระรายนี้โอนเงินประมาณ 12.2 ล้านบาท เข้าบัญชีของสีกา กระทั่งพระ ต้องการให้สีกาโอนเงินกลับเข้าบัญชีส่วนตัวของพระ 13 ล้านบาท แต่สีกาไม่ยอมโอนคืน ทางพระรูปดังกล่าวจึงเอาผิดในคดีแพ่ง อ้างว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินค่าเดินทาง เงินเดือน และค่าอาหารแมว
นายอนันต์ชัย เปิดเผยด้วยว่า ต่อมาสีกา รู้ว่าเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินส่วนตัวของพระ แต่เป็นเงินของวัด จึงได้ปรึกษาทนายความ ก่อนจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพระรูปนี้ เมื่อประมาณต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งขบวนการนี้พบว่ามีด้วยกัน 8 คน รวมพระด้วย เป็น 9 ราย ทั้งนี้ จึงอยากฝากถึงพระรูปนี้ ให้รีบชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ หากไม่เข้าพบกับทางตำรวจจะเกิดความเสียหาย เนื่องจากเรามีหลักฐานอยู่เยอะ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของวัดที่ถูกกล่าวถึงซึ่งตั้งอยู่ใน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี บรรยายกาศภายในวัดยังคงเป็นไปตามปกติ มีพระและลูกศิษย์มาทำบุญ โดยมีเจ้าหน้าที่วัด เปิดเผยว่า ตามที่นายอนันต์ชัย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องเงินวัดนั้น รับทราบเรื่องนี้แล้ว หลังจากนี้ทางวัดขอเวลา 1-2 วัน เพื่อรวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ก่อนจะแถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชน โดยต้องรอความเหมาะสมเพราะยังไม่มีการเปิดเผยชื่อวัดออกมาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ลูกศิษย์วัดรายหนึ่ง ระบุว่าเป็นลูกศิษย์วัดมานานกว่า 9 ปี พอได้ยินข่าวนี้รู้สึกตกใจ และมองว่าเป็นการพูดเกินจริงไปเพราะเจ้าอาวาสเป็นพระที่เคร่งในการปฏิบัติมาก ไม่เชื่อว่าท่านจะมีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา เชื่อว่าวัดคงมีพยานหลักฐานที่จะเปิดเผยชี้แจงได้ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า เช้าวันเดียวกันนี้ ทางเจ้าอาวาสวัด ก็ยังออกบิณฑบาตตามปกติ ไม่ได้หลบหนีไปไหน และยังคงจำวัด แต่ของดให้สื่อมวลชนเข้าพบและสัมภาษณ์
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบวัดบางคลาน จ.พิจิตร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานกว่า 10 ปี ที่ผ่านมาใช้หลักการรัฐศาสตร์มาตลอด แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงต้องเข้าตรวจสอบเงินทั้งหมด ซึ่งได้ให้คนเข้าไปล่อซื้อพระเครื่องจากมูลนิธิของวัด เมื่อสแกนจ่ายเงินแล้ว ปรากฏว่าชื่อบัญชีไม่ใช่ชื่อของวัด แต่เป็นชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขั้วอำนาจเดิม จึงนำข้อมูลทั้งหมดไปขออำนาจศาลฯ เพื่อขอหมายค้น โดยสิ่งที่ตรวจค้นได้คือพยานหลักฐานที่เป็นเส้นทางการเงิน ซึ่งมีการทำธุรกรรมต่างๆ และมีการนำเงินของวัดแบ่งใส่เป็นซอง นำไปไว้ที่บ้านของแต่ละคนที่มีความเกี่ยวข้อง โดยตลอด 10 ปี มีเงินวัดหายไป 35 ล้านบาท จากเงิน 100 กว่าล้านบาท จึงต้องตรวจสอบว่ามีการนำเงินไปใช้อะไรบ้าง ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็จะพิจารณาดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มูลนิธิที่มีการซื้อขายเช่าพระไปแล้วมีมูลค่าเท่าไหร่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงลึกไปขนาดนั้น แต่เราเก็บข้อมูลและมีการนำเงินไปซื้อพระทั้งหลักพันจนถึงหลักหมื่นบาท เพื่อนำมาเป็นพยานหลักฐานที่จะคลี่คลายปัญหาภายในวัด เรื่องนี้มีคนผิดอย่างแน่นอน เพราะมีคนที่หมิ่นเหม่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง สำหรับกลุ่มผู้อำนาจที่คอยดูแลเรื่องนี้ น่าจะเป็นกลุ่มญาติพี่น้องของพระที่บวชอยู่ในวัด แล้วดึงเอาญาติๆ เข้ามาดูแลกิจการต่างๆ ภายในวัด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับอดีต ส.ว.เพราะกลุ่มของ ส.ว.เป็นกลุ่มชาวบ้าน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่มีการเข้าตรวจค้นวัด ยังไม่พบตัวเจ้าอาวาส ปัจจุบันทราบว่ายังไม่กลับเข้าวัดเลย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบวัดโสธรวรารามวรวิหาร ว่าอยู่ระหว่างตั้งคณะทำงาน ซึ่งในวันที่ 17 กันยายนนี้ จะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้ามาให้ข้อมูลกับตำรวจ เมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับที่โซเชียลฯ แชร์ประเด็นเรื่องศึกชิงนางหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอสงวนไว้ก่อนไม่อยากเปิดเผยข้อมูลอะไรมาก ต้องขอเวลาในการตรวจสอบก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี