วันเสาร์ ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2568
ศาลพิพากษา จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา อดีตผู้การฯหนองคาย ใช้อำนาจมิชอบ-ใช้เอกสารปลอม

ศาลพิพากษา จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา อดีตผู้การฯหนองคาย ใช้อำนาจมิชอบ-ใช้เอกสารปลอม

วันเสาร์ ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2568, 18.00 น.

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 4 สั่งจำคุก อดีตผู้การฯหนองคาย 2 ปี ไม่รอลงอาญา ปมเรียกรับเงิน ใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้งผู้อื่น  ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม

วันที่ 20 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4  จ.ขอนแก่น ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่  169/2567 ที่นายดำรงค์  อดีตกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงาน ตำรวจภูธร จ.หนองคายเป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ต. พิรัชย์ อดีต ผบก.ภจ.หนองคาย เป็นจำเลย ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม


ทางไต่สวนได้ความว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงาน ตำรวจภูธร จ.หนองคายโดยได้รับแต่งตังตามคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจ.หนองคาย ที่ 5/2565 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2565  มีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี ส่วนจำเลยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.หนองคาย(ผบก.ภจ.หนองคาย)และเป็นรองประธานกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ.หนองคายคนที่ 1 โดยตำแหน่งตามระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยคณะกรรมการ

ตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ. 2549 มีอำนาจหน้าที่ร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจ.หนองคายโดยตำแหน่งคนอื่นในการพิจารณาสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเสนอประธานกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจ.หนองคายเพื่อมีคำสั่งแต่งตั้ง  โดยจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้โจทก์หรือผู้ใดได้รับความเสียหาย ด้วยการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อสรรหาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคาย ที่ 1/2567 ให้มีอำนาจและหน้าที่พิจารณาสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อแต่งตั้งในคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจ.หนองคาย 10  คน โดยอ้างว่า กรรมการเดิมพ้นจากตำแหน่งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 จำเลยจงใจไม่อ้างถึงคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ จ.หนองคาย ที่ 5/2565  ซึ่งแต่งตั้งโจทก์เป็นกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจ.หนองคายเพื่อไม่ให้คณะอนุกรรมการเพื่อสรรหาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจ.หนองคายทราบว่าโจทก์ยังไม่พ้นวาระการดำรงตำแหน่ง ทั้งที่โจทก์ยังคงมีวาระการดำรงตำแหน่งจนถึง วันที่ 17 สิงหาคม 2567 

ต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 จำเลยทำบันทึกข้อความถึงผู้ว่าฯหนองคายในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจ.หนองคาย พร้อมแนบร่างคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจ.หนองคาย ที่ 2/2567 เรื่อง แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจ.หนองคาย อ้างว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและประชาชนครบวาระการดำรงดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 จึงมีการประชุมเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 คัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและประชาชนเรียบร้อยแล้วเสนอต่อผู้ว่าฯหนองคายพิจารณาลงนามในร่างคำสั่งดังกล่าว 

จนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ โดยจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์พ้นจากการดำรงตำแหน่งเนื่องจากไม่พอใจที่โจทก์พูดคุยกับจำเลยเรื่องมีการกล่าวอ้างว่าจำเลยเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงิน และกีดกันไม่ให้โจทก์เสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจ.หนองคายตามที่โจทก์มีอำนาจหน้าที่ จึงทำให้โจทก์เสียหาย

ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีโจทก์มีมูลให้ประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา

ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค4 พิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยโดยตลอดแล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 การกระทำของจำเลยกรรมเป็นเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ลงโทษ จำคุก 2 ปี 

เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่าความขัดแย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยเกิดจากมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบของบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยแทนที่จำเลยจะแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนกลับใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้งโจทก์ไม่ให้โจทก์ทำหน้าที่ตรวจสอบ เมื่อถูกฟ้องคดีต่อศาลและศาลมีหมายเรียกเอกสารมาเพื่อทำการไต่สวนให้ได้ความจริง จำเลยก็ทำการปลอมแปลงเอกสารราชการเสนอต่อศาลเพื่อให้ตนเองพ้นผิด เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชารู้เห็นความไม่ถูกต้องไม่ยอมทำตามคำสั่งที่มิชอบ จำเลยกลับหาทางกลั่นแกล้งและเล่นงานทุกวิถีทางทั้งทางวินัยและทางอาญา แม้กระทั่งพยานที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจมาศาลตามหมายเรียกจำเลยก็ทำหนังสือร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของบุคคลเหล่านั้นว่าไม่มีหน้าที่และไม่ได้รายงานผู้บังคับบัญชาในการมาเบิกความต่อศาลทำให้ผู้บังคับบัญชาให้พยานที่มาศาลตามหมายเรียกชี้แจงภายใน 15 วัน ทั้งที่พยานดังกล่าวมาทำหน้าที่ตามหมายเรียกของศาลที่มีอำนาจพิจารณาตามกฎหมาย แสดงว่าจำเลยไม่เคยสำนึกถึงการกระทำของตนเอง จึงมีเหตุไม่สมควรรอการลงโทษจำเลย

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top