แม่ทัพ1ซัดผู้ว่าฯเขมร
ให้ท้ายมวลชนป่วนแนวชายแดน
‘เสียงปืน-ระเบิด’ดังยันเช้า
คนไทยชายแดนผวาหนัก
“บิ๊กเล็ก” ประเดิม ส่ง“บิ๊กดุล”ลุยศรีสะเกษติดตาม ปมทหารกัมพูชายิงปืนยั่วยุ ชี้“ศบ.ทก.” ไม่ไปต่อ เชื่องานฉลุย เหตุ นายกฯอนุทิน คุมมั่นคง ด้าน “แม่ทัพภาคที่ 1” เกาะติดสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว โวย“ผู้ว่าฯ บอนเตียเมียนเจย” ให้ท้ายมวลชนกัมพูชารวมตัวชุมนุมป่วน “โฆษก ทบ.” เผยเขมรก่อกวนทั้งคืนยันรุ่งสาง ยิงปืนเล็ก มีเสียงดังคล้ายขว้างลูกระเบิด แนวรั้วลวดหนามไทย ย้ำ ทหารไทยพร้อมใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ ขณะที่ชาวบ้านขวัญผวา! อพยพหนีตายกว่า200 ครอบครัว
เมื่อวันที่ 25กันยายน 2568 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับหน้าที่และแถลงนโยบายรัฐบาล ว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง และได้รับพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในกระแสรับสั่งบางข้อความ ตนรับเอาเป็นพระบรมราโชวาทด้วย และจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ในกรอบหน้าที่ของ รมว.กลาโหม ซึ่งวันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการเต็มตัว จะมุ่งเน้นในมิติของความมั่นคงเป็นหลัก
พล.อ.ณัฐพล ยังระบุว่าได้มอบหมายให้พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ หลังเกิดกรณีทหารกัมพูชาทำยิงปืนที่ช่องภูผี ซึ่งเป็นการยั่วยุไม่ทำตามข้อตกลง ของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชาหรือ GBC และรอให้เดินทางกลับมา ก็จะมีการพูดคุยกรอบอำนาจหน้าที่ในการทำงานอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับยังระบุว่า พี่ชายของพล.ท.อดุลย์ ก็เป็นเพื่อนของตน การทำงานจะราบรื่นอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 สามารถเข้าใจปัญหาในพื้นที่ได้ดี ซึ่งจะทำให้ตนทำงานได้ง่ายขึ้นในส่วนของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ไม่จำเป็นต้องมีแล้ว เนื่องจากปัจจุบันมีรัฐบาล ครบ 36 คน ซึ่งต่อไปสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) จะทำหน้าที่สื่อสารไปยังประชาชน โดยมีนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมได้เตรียมนโยบายเพื่อขับเคลื่อนในช่วง 4 เดือนของรัฐบาลนี้ เน้นในเรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา/รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ /สถานการณ์ชายแดนไทย - เมียนมา ซึ่งมีการปิดด่านผ่านแดนถาวร ตั้งแต่ท่าขี้เหล็ก สิงขร ระนอง ซึ่งต้องอยู่ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างไร และความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งตนเตรียมจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง ซึ่งตนคงจะเน้นย้ำใน 4 เรื่องนี้ใน 4 เดือน โดยได้เสนอเป็นนโยบายให้รัฐบาล ว่าขอเอาเรื่องสำคัญ นอกจากนี้ในห้วงเวลาดังกล่าวจะต้องมีการพิจารณาคำของบประมาณปี 2570 ด้วย โดยจะใช้สมุดปกขาว ของกระทรวงกลาโหมที่มีอยู่ ในการพิจารณาคำขอในปีต่อไป ส่วนนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 29 ก.ย.นี้ มีไม่มากเนื่องจากมีเวลาเพียงแค่ 4 เดือน
พล.อ.ณัฐพล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี โฆษกกระทรวงมหาดไทย ประเทศกัมพูชา ได้อ้างคลิปเสียงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เคยพูดถึงพื้นที่บ้านหนองจาน ว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งทำให้ประชาชนกัมพูชาหลงเชื่อ ว่า เรื่องพื้นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นอธิปไตยของไทย ซึ่งเป็นไปตามที่กองกำลังบูรพาได้ชี้แจงก่อนหน้านี้ มีเขตเส้นแดงและเส้นน้ำเงิน ซึ่งล่าสุดเราก็รอการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ครั้งล่าสุดนี้ว่าเส้นแดง-น้ำเงิน ตรงไหนกันแน่ ซึ่งการประชุมเจบีซีครั้งที่แล้วตนได้คุยกับฝั่งกัมพูชา ว่าใต้เส้นแดงเป็นเขตอธิปไตยของไทย เราสนใจเพียงใต้เส้นแดง ซึ่งตนก็คุยกับทางกัมพูชาด้วยเหตุและผล การที่จะเอารถแทร็กเตอร์ไปดัน 200 ครอบครัวของฝั่งกัมพูชานั้น เราต้องคำนึงถึงด้านมนุษยธรรม เพราะเราทำตามขั้นตอนคือต้องจับกุมก่อนตามกฎหมายไทย โดยเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย
พล.ท.อมฤต บุญสุยาแม่ทัพภาคที่1 กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่หนองจาน และหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ว่า พื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 มีความซับซ้อน แตกต่างจากพื้นที่อื่น อย่างไรก็ตามเราพยายามรักษาพื้นที่ตามนโยบายของทางรัฐบาล ที่ผ่านมาการทำงานของกองทัพภาคที่ 1 อยู่ในรูปแบบการวางแผนอำนวยการสถานการณ์และการประสานงาน คู่ขนานในหลายมิติ โดยยึดถือกรอบของคณะกรรมการ ทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) เพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลง นโยบายและการปฏิบัติในระดับนโยบายส่วนการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนซึ่งทางกัมพูชายอมรับ แต่ขอนำไปหารือในเวทีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(JBC) ซึ่งจะเป็นโมเดลในการนำไปสู่พื้นที่อื่นๆ
แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ทางผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ พร้อมระดมทุกภาคส่วน รวมถึงกองร้อยควบคุมฝูงชนและกำลังทหารโดยการบูรณาการร่วมกัน เพื่อยกระดับพัฒนาสถานการณ์ โดยการปฏิบัติเราจะยึดถือหลักมาตรฐานสากลจากเบาไปหาหนัก ในเมื่อเขาใช้มวลชน ในการยั่วยุ ก็ต้องใช้การปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อไม่ให้กัมพูชา นำไปบิดเบือน ในเวทีโลกทุกอย่างได้กำหนดเป็นขั้นเป็นตอน สอดคล้องกับกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม
ส่วนกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ขีดเส้นภายหลังวันที่ 10ต.ค.นี้ จะบังคับใช้กฎหมายกับคนกัมพูชานั้น พล.ท.อมฤต กล่าวว่า เป็นไปตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้ชี้แจง คือให้ทาง กัมพูชาส่งแผนการอพยพคน หากไม่มีการส่งแผนก็จะรายงานไปทางหน่วยเหนือ ตั้งแต่ระดับกองทัพบก กระทรวงกลาโหม และรัฐบาลเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการปฏิบัติ ย้ำว่ากองทัพภาคที่ 1 พร้อมในทุกส่วนอยู่แล้วในส่วนของพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“ขอย้ำว่าเราจะต้องไม่ตกอยู่ในเกมกัมพูชา ต้องดึงเขาให้มาอยู่ในเกมของเรา ซึ่งจะเห็นได้ว่า กัมพูชาพยายามจะเบี่ยงเบนและสร้างภาพต่างๆ แต่เรารู้ว่าเขาสร้างข้อมูลเท็จ เช่น ให้ส่วนอื่นมาแต่งตัวเป็นพระ นำ เด็ก สตรี มายั่วยุ หรือแม้แต่ข้อตกลงที่ผู้ว่าฯจังหวัดสระแก้ว เสนอไป แต่ถึงเวลาผู้ว่าราชการบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย กลับไปให้ท้าย แล้วจะคุยกันรู้เรื่องอย่างไร ทุกอย่างก็จะพัฒนาตามระดับ ซึ่งกองทัพภาคที่ 1 พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้ทุกรูปแบบยืนยันว่าในพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของไทยตั้งแต่หลักเขตที่ 42 หนองหญ้าแก้ว ถึงหลักเขตที่ 46 เราจะได้อธิปไตยขึ้นมาแน่นอนเพียงแต่ว่าต้องมีกระบวนการ ทหารฝ่ายเดียวคงทำไม่ได้ต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมมือกัน ซึ่งมองว่านี่คือความแน่นแฟ้น”พล.ท.อมฤต กล่าว
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังได้รับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ว่าตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 24 ก.ย.จนถึงช่วงเช้ามืดวันที่ 25 ก.ย.ได้ตรวจพบทหารกัมพูชายิงปืนเล็ก และปรากฏเสียงคล้ายการขว้างลูกระเบิดเข้ามาในบริเวณแนวลวดหนามป้องกันตนเองของฝ่ายไทย นอกจากนี้ยังตรวจพบโดรนบินรุกล้ำเข้ามาในแนวเขตแดน ใกล้เคียงปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และพื้นที่พลาญหินแปด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งคาดว่าการกระทำการยั่วยุดังกล่าว เพื่อหวังในการดูปฏิกิริยาการตอบโต้และทดสอบแนวการวางกำลังของฝ่ายไทย
“การตรวจพบในข้างต้นนี้ ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าทางกัมพูชายังคงละเมิดในมาตรการหยุดยิง รวมทั้งมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะมุ่งสร้างสถานการณ์ยั่วยุต่อเจ้าหน้าที่ทหารไทย ซึ่งโฆษกกองทัพบกกล่าวว่าฝ่ายไทยได้มีการเตรียมกำลังที่มีความพร้อมอย่างเข้มงวด เน้นย้ำกำลังพลปฏิบัติงานด้วยความอดทนอดกลั้นและไม่ประมาท เพื่อเฝ้าระวังและสังเกตุการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากพบการรุกล้ำในอาณาเขตหรือการกระทำที่เป็นปรปักษ์ กองทัพบกพร้อมใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อดูแลรักษาและปกป้องอธิปไตยของประเทศไทยในทันที” โฆษกกองทัพบก กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุยิงปืนยั่วยุจากฝั่งกัมพูชา บริเวณ “ภูผีตา–ยาย” ทำให้ชาวบ้านแนวชายแดนตื่นตระหนก ไม่รอประกาศทางการ ต่างอพยพออกจากหมู่บ้านทันที โดยมีทั้งผู้สูงอายุ เด็ก และทารก ถูกขนย้ายด้วยรถซาเล้ง–มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง หอบหิ้วที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม และของใช้จำเป็นหนีตายออกจากพื้นที่ โดยมีประชาชนกว่า100–200 ครอบครัวจากหมู่บ้านตามแนวชายแดน ต.เสาธงชัย และใกล้เคียง ได้พากันอพยพเข้ามายังเขตตัวอำเภอกันทรลักษ์ โดยไม่รอคำสั่งผู้ใหญ่บ้านหรือเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเสียงปืนดังชัดเจนจากฝั่งเขตแดน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศในหมู่บ้านชายแดนจะกลับเข้าสู่ความสงบในเช้าวันนี้ แต่ชาวบ้านจำนวนมากยังคงจัดเตรียมสิ่งของจำเป็นและรถยนต์ให้พร้อมอพยพทุกเมื่อหากมีเสียงปืนอีกครั้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหารประจำการชายแดนยังคงเพิ่มความเข้มงวดและสอดส่องตลอดแนว เพื่อป้องกันการยั่วยุและเหตุการณ์บานปลาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี