ชวนกิน‘หมูหัน’ เมนูหรู ควบคู่ช่วยเกษตรกร
อ่านบทความของ ผศ.ดร.สุวรรณา สายรวมญาติ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรื่อง “โอกาสของรัฐบาลใหม่ ปกป้องเกษตรกรไทยจากแรงกดดันมาตรการภาษีทรัมป์” แล้วรับรู้ได้ทันทีถึงสถานการณ์อันยากลำบากของคนเลี้ยงหมูไทยที่ต้องเผชิญหลากหลายเหตุการณ์ประดังประเดเข้ามากระทบไม่เว้นแต่ละวัน ขณะเดียวกันก็เป็นกลุ่มเกษตรกรที่ไม่เคยต้องพึ่งพาให้รัฐเข้ามาประกันราคาหรือประกันรายได้เหมือนเกษตรกรกลุ่มอื่น ๆ นับเป็นกลุ่มที่มีความพยายามพัฒนาตนเองที่จะยืนหยัดทำหน้าที่ผลิตอาหารให้ผู้บริโภคต่อไปอย่างมั่นคงด้วยลำแข้งของตน
หลายๆ ครั้งที่ราคาหมูตกต่ำเข้าเนื้อจนต้องร่วมตัวกันทุกภูมิภาคเพื่อแก้ปัญหา พอหมูแพงจากเหตุปัจจัยโรคระบาดก็เจอแรงกดดันจากผู้บริโภค ต่อมาก็เจอขบวนการหมูเถื่อนลักลอบเข้ามาเล่นงานหมูไทยจนอ่วม ล่าสุด ยังเจอแรงกดดันจากมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯที่ต้องการส่งหมูเข้ามาเบียดตลาดหมูไทย...แต่ละมื้อแต่ละเดย์หนักหนาสาหัสทั้งนั้น
ดร.สุวรรณา ระบุว่าสถานการณ์หมูในประเทศไทยปรับตัวลดลงรุนแรงมาก ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2568 ราคาหน้าฟาร์มปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 หลังที่มีข่าวราคาเนื้อหมูแพงในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประกาศรายงานข้อมูลราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ณ วันที่ 15 กันยายน 2568 เหลือ 52 – 64 บาท/กก. ราคาลูกสุกรขุนเล็ก 1,400 บวก สะท้อนอุปทานภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจนเกิดอุปทานส่วนเกิน สวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หดตัวอย่างมาก
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้วางแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อพยุงราคาสุกรออกมาหลายมาตรการ และความที่ประเทศไทยผลิตหมูได้เพียงพอกับความต้องการบริโภค อุปทานและอุปสงค์เนื้อหมูภายในประเทศไม่แตกต่างกันมากนัก และการขึ้นลงของราคาก็เป็นไปตามกลไกตลาด ดังนั้น ดร.สุวรรณา จึงประเมินว่า การปรับตัวของราคาจะเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมภายในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน
สำหรับผู้เขียน มองว่าหนึ่งในมาตรการที่น่าสนใจคือ โครงการ “หมูหัน” ที่จะนำหมูขนาด 4-7 กิโลกรัมไปทำเมนูหมูหัน เพื่อตัดวงจรลูกหมูเข้าขุนทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 1 แสนตัว ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความสมดุล และช่วยผลักดันเสถียรภาพราคาให้เกษตรกรคนเลี้ยงหมูแล้ว ยังช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงอาหารหรู “หมูหัน” ในราคาที่จับต้องได้ เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เกิดประโยชน์ทั้งภาคผู้ผลิตและภาคประชาชน
ที่สำคัญยังได้รับความร่วมมือจากช่องทางการค้าที่อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคหรือภัตตาคารร้านอาหาร สามารถซื้อหาได้ง่ายขึ้น โดยห้างค้าส่งแม็คโครและโลตัส ได้ร่วมเปิดตลาดค้าส่งหมูหันแก่ผู้ประกอบการ ถือเป็นการร่วมกันแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเพื่อสร้างความยั่งยืนแก่เกษตรกรไทย
เมื่อกลไกตลาดทำงาน ปริมาณหมูเข้าสู่ภาวะปกติ ตามมาตรการต่าง ๆ ที่คนเลี้ยงหมู โมเดิร์นเทรด ภาครัฐ และผู้บริโภค ต่างช่วยกันคนละไม้ละมือในการบริหารจัดการ ราคาหมูจะขยับเข้าสู่สมดุลเช่นกัน ภาคผู้ผลิตมีเรี่ยวแรงพอที่จะผลิตเนื้อหมูให้ผู้บริโภคมีโปรตีนคุณภาพดีบริโภคได้อย่างเพียงพอในราคาสมเหตุสมผล เรียกง่ายๆได้ว่า เมื่อถึงวันที่ตลาดกลับสู่สมดุล ผู้ผลิตอยู่ได้ ผู้บริโภคก็ไม่เดือดร้อน
#ลักขณา นิราวัลย์ นักวิชาการอิสระ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี