วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568
36จังหวัดรับมือฝน
อุตุชี้ช่วงเปลี่ยนผ่าน
‘ปลายฝนต้นหนาว’
ทำอากาศแปรปรวน
กรมอุตุฯเตือนฝน 36 จังหวัด พายุ “แมตโม” ไม่เข้าไทย แต่ส่งผลให้มีฝน เผยไทยเริ่มเข้าช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูฝนสู่หนาว อากาศแปรปรวนหลายพื้นที่ ส่วน จ.สุโขทัย พนังแตก น้ำทะลักท่วม 4 ชุมชน ขณะที่ จ.อุบลราชธานี แม่น้ำมูลล้นตลิ่ง ท่วม 10 อำเภอ ด้านเชียงราก จ.ปทุมธานี กระอัก! รับน้ำเพิ่มอีก ผวาซ้ำรอยปี54หลังระดับน้ำยังท่วมสูงขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคใต้ตอนล่าง เนื่องจากมีลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยมีกำลังอ่อน
สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
อนึ่ง พายุโซนร้อน “แมตโม” ปกคลุมบริเวณเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนบน และช่วงวันที่ 5-6 ตุลาคม 2568 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย
ส่วนพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.เลย หนองคาย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และ สุรินทร์ ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี และราชบุรี ขณะที่ กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ด้านนายสมควร ต้นจาน ผอ.กองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูฝนสู่ฤดูหนาว ทำให้ลักษณะอากาศแปรปรวนสูงในหลายพื้นที่ ทั้งฝนลดลงแต่ยังคงตกประปราย ลมเปลี่ยนทิศ และอุณหภูมิผันผวน โดยช่วงนี้ถึงวันที่ 5 ตุลาคม ปริมาณฝนจะลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะฝนตกหนักที่เคยเกิดขึ้นในหลายพื้นที่จะเบาบางลง
ขณะเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา ติดตามพายุโซนร้อน “แมตโม” (MATMO) ที่อยู่ทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนผ่านเกาะลูซอนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเกาะไหหลำและขึ้นฝั่งจีนตอนใต้ ราววันที่ 6–7 ตุลาคม แม้พายุนี้จะไม่ส่งผลโดยตรงกับประเทศไทย แต่เมื่ออ่อนกำลังลงจะกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมไทยมีกำลังแรงขึ้น และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ฝนเพิ่มขึ้นได้
สำหรับช่วงวันที่ 5–7 ตุลาคม คาดว่าฝนจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ซึ่งจะได้รับผลจากหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้เกิดฝนปานกลางถึงหนักบางแห่ง และตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมเป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มมีลมตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือพัดเข้ามาแทนที่ลมตะวันตกเฉียงใต้ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากมวลอากาศเย็นที่เริ่มแผ่ลงมาในระยะเริ่มต้นทิศทางลมจะยังไม่คงที่ ทำให้สภาพอากาศบางวันอาจมีทั้งฝนตก อากาศเย็นช่วงเช้า และอากาศร้อนช่วงกลางวัน
ขณะที่วันที่ 14 ตุลาคมเป็นต้นไป สัญญาณของฤดูหนาวจะเริ่มชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ที่จะมีฝนลดลงอย่างต่อเนื่อง และอุณหภูมิลดลงในช่วงเช้า เริ่มสัมผัสอากาศเย็นได้ในบางพื้นที่ แต่กรมอุตุนิยมวิทยา ยังไม่ประกาศเข้าสู่ฤดูหนาว เนื่องจากต้องพิจารณาปัจจัยร่วม
ที่ จ.สุโขทัย สถานการณ์น้ำท่วมที่บ้านท่าทอง หมู่ 6 ต.ท่าทอง อ.สวรรคโลก ยังคงประสบปัญหา เนื่องจากน้ำไหลแรง รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ เนื่องจากแม่น้ำยมล้นตลิ่ง ลอดพนังกั้นน้ำและจุดเฟื่องฟ้าที่เคยแตก น้ำจึงทะลักท่วม 4 ชุมชน อาทิ คลองโพธิ์ , คูหาสุวรรณ ร่วมพัฒนา และเลอไท นอกจากนี้ตลาดไตรรัตน์-แยกฮกฮั้ว-อีซูซุ-โรงแรมราชธานี มีน้ำท่วมขังถนนทั้งสองฝั่ง โดยบางจุดน้ำท่วมสูง ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และจังหวัดสุโขทัย ประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ภายหลังพบว่าระดับน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้น ขอให้ผู้อยู่อาศัย ริมแม่น้ำยม และพื้นที่ลุ่มต่ำ ยกของขึ้นที่สูง เร่งดูแลกลุ่มผู้เปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี ที่เทศบาลเมืองวารินชำราบ ทหารมณฑลทหารบกที่ 22 ได้ช่วยกางเต็นท์พักอาศัยให้ชาวชุมชนในเขตเทศบาลฯ ซึ่งถูกน้ำจากแม่น้ำมูลล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือน โดยขณะนี้มีชาวบ้านได้รับผลกระทบ 12 ชุมชน 394 ครอบครัว 1,311 คน อพยพหนีน้ำท่วมแล้ว 141 ครอบครัว รวม 499 คน สำหรับภาพรวม จ.อุบลราชธานี มีพื้นที่ถูกแม่น้ำมูลและลำน้ำสาขา ล้นตลิ่งไหลท่วม 10 อำเภอ 46 ตำบล 279 หมู่บ้าน ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 9,324 ครอบครัว พื้นที่เกษตรกรรมถูกน้ำท่วมกว่า 67,000 ไร่ และต้องอพยพหนีน้ำแล้ว 522 ครอบครัว รวม 1,610 คน ขณะที่ระดับน้ำแม่น้ำมูล ที่สถานีวัดน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยวัดได้ 8.31 เมตร ทำให้น้ำล้นตลิ่งสูงกว่า 1.31 เมตร
ที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก ว่ายังคงอยู่ในขั้นวิกฤต ระดับน้ำท่วมสูง ทะลักเข้าบ้านเรือนประชาชนและท่วมสะพาน โดยชาวบ้านต้องขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ทั้งนี้ ชาวบ้านต่างเกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนมหาอุทกภัย ปี 2554 ที่สร้างความเสียหายครั้งใหญ่ หลังจากกรมชลประทาน ออกประกาศแจ้งเตือนว่าจะปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำจากเขื่อนตอนบน เพิ่มเป็น 2,500 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ซึ่งจะทำให้น้ำเจ้าพระยา เพิ่มระดับสูงขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.อุตรดิตถ์ที่ได้รับผลกระทบจากพายุ “บัวลอย” ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.โดยปภ.อุตรดิตถ์ รายงานว่ามีพื้นที่เสียหายรวม 7 อำเภอ 33 ตำบล 250 หมู่บ้าน 9,348 ครัวเรือน ส่วนพื้นที่เกษตรกรรมอยู่ระหว่างการสำรวจ สถานการณ์ล่าสุดใน อ.พิชัย ซึ่งเป็นจุดรับมวลน้ำจากแม่น้ำน่าน ระดับน้ำยังคงท่วมสูงโดยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลในเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม ระดับน้ำยังท่วมขังเกิน1.5 เมตร คาดว่าหากไม่มีฝนตกซ้ำ หรือเขื่อนสิริกิติ์ไม่พร่องน้ำเพิ่ม ระดับน้ำจะเริ่มลดลงใน 1-2 วันนี้
เทศบาลตำบลในเมืองได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม สำหรับกลุ่มเปราะบาง พร้อมจัดส่งอาหาร น้ำดื่มครบทุกมื้อ และประกาศเตือนประชาชนให้ระวัง สัตว์มีพิษ อันตรายจากการลุยน้ำ และโรคภัยที่มากับน้ำท่วม
ด้านโรงพยาบาลตรอน อ.ตรอน ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก ได้ระดม เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล, เทศบาล, ทหาร และตำรวจ เข้าทำความสะอาดและฟื้นฟูพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการตรวจสอบระบบไฟฟ้า ประปา และอุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทาง นายศุภชัย สุขเรือง หัวหน้าบริหารงานทั่วไป โรงพยาบาลตรอน เปิดเผยว่า มูลค่าความเสียหายของอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ชำรุดเบื้องต้นคาดว่าประมาณ 30 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถ เปิดให้บริการสมบูรณ์ 100% ได้ภายใน 2 สัปดาห์
ในระหว่างนี้ทางโรงพยาบาลได้เปิดโรงพยาบาลสนาม รองรับการบริการประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอตรอน โดยมีแพทย์ พยาบาล และเวชภัณฑ์ยาที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลข้างเคียงพร้อมให้บริการแก่ประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี