ชาวบ้านแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา แห่กันมาเบิกเงินเยียวยาจากรัฐบาลที่ตู้ ATM ของ ธ.ก.ส. ตั้งแต่เวลา 01.00 น. ของวันนี้ (6 ต.ค. 68) หลังมีการชี้แจงกำหนดเงินเข้าบัญชีแล้ว โดยหลายคนเผยว่าดีใจที่ได้เงินก้อนนี้มาซื้ออาหารและเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการอพยพครั้งที่ 2 เพราะยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ชายแดน ด้านผู้จัดการ ธ.ก.ส. ยืนยันสำรองเงินสดไว้เพียงพอต่อความต้องการของชาวบ้านแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ชาวบ้านหลายรายผิดหวังจากการเดินทางไปกดเงินจากตู้ ATM ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เนื่องจากเงินเยียวยาที่รัฐบาลชดเชยให้รายละ 2,000-5,000 บาท ยังไม่เข้าบัญชี ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงว่าเงินเยียวยาของจังหวัดบุรีรัมย์จะเข้าในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่แนวชายแดนที่ต้องอพยพจากการปะทะกันเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ต่างพากันมาเข้าแถวกดเงินกันอย่างเนืองแน่น

น.ส.เอ๋ (นามสมมุติ) หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า เห็นชาวบ้านตื่นกันมาตั้งแต่ ตี 1 เพื่อเดินทางมากดเงินที่ตู้ ATM เนื่องจากบางคนมีภารกิจต้องไปทำงานในไร่นาตั้งแต่เช้ามืด

ชาวบ้านที่ได้รับเงินเยียวยาแสดงความรู้สึกดีใจและมีแผนใช้จ่ายเงินก้อนนี้อย่างชัดเจน โดยเน้นไปที่ความมั่นคงในชีวิตประจำวันและการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน

นางสมจิตร (สงวนนามสกุล) อายุ 76 ปี ชาวบ้าน ต.ปราสาททอง อ.บ้านกรวด ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท กล่าวว่าได้เบิกเงินสดมาเพื่อ ซื้อข้าวสารไว้หุงและซื้อสิ่งของที่จำเป็น ส่วนหนึ่งจะเก็บไว้เป็นค่าน้ำมันรถสำหรับพาครอบครัวอพยพหากเกิดการปะทะขึ้นอีก เพราะที่บ้านไม่มีรถยนต์

นายต้อน (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปีชาวบ้านใน อ.บ้านกรวด กล่าวว่าตนได้รับเงิน 5,000 บาท และตั้งใจว่าจะ ไม่นำไปใช้จ่าย แต่จะเก็บไว้ใช้ในตอนที่ต้อง อพยพในรอบที่ 2 เพราะยัง ไม่ไว้วางใจเขมร

ด้านนายวัลลภ มีเวที ผู้จัดการ ธ.ก.ส. สาขาอำเภอบ้านกรวด กล่าวเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า ทางธนาคารมีการสำรองเงินสดไว้สัปดาห์ละ 30 ล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้าน และยืนยันว่า เงินจะไม่ขาดอย่างแน่นอน