'ประชาคมแพทย์' เสนอเปิดรายชื่อ หมอถูกพักใบอนุญาตซ้ำซาก ปกป้องประชาชน

'ประชาคมแพทย์' เสนอเปิดรายชื่อ หมอถูกพักใบอนุญาตซ้ำซาก ปกป้องประชาชน

วันพฤหัสบดี ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 09.21 น.

วันที่ 9 ตุลาคม 2568 แอดมินเพจเฟซบุ๊ก "ประชาคมแพทย์" โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “แพทย์ผู้ถูกพักใบประกอบวิชาชีพซ้ำซาก”

ประชาคมแพทย์ มีข้อเสนอ ที่สมดุลย์ ใช้หลักแห่งความเหมาะสมแห่งสัดส่วน เรื่องการออกข้อบังคับเรื่องการเปิดเผยรายชื่อแพทย์ที่ถูก License Suspension มากกว่า 1 ครั้ง


1.ปัญหาปัจจุบัน

ในระบบฐานข้อมูลของแพทยสภา หากแพทย์คนใดถูกสั่ง “พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม” — เมื่อประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นหาชื่อของบุคคลนั้นในเว็บไซต์แพทยสภา ผลลัพธ์จะขึ้นว่า “ไม่พบข้อมูล”

ระบบดังกล่าวตั้งใจออกแบบมาเพื่อ “ไม่ประจาน” ผู้ที่ถูกลงโทษชั่วคราว โดยเชื่อว่าแพทย์ควรได้รับโอกาสกลับเข้าสู่วิชาชีพอีกครั้งเมื่อครบกำหนดพักใบอนุญาต แต่ในทางปฏิบัติ ระบบที่ “ไม่แสดงชื่อ” กลับสร้างปัญหาต่อประชาชนจำนวนมากเพราะเมื่อไม่พบชื่อ ก็ไม่อาจทราบได้ว่า บุคคลนั้น “ไม่ใช่แพทย์จริง” หรือ “เป็นแพทย์ที่อยู่ระหว่างถูกพักใช้ใบอนุญาต”

กรณีเกิดความเสียหายจากหัตถการเสริมความงามหรือบริการแพทย์เอกชน ประชาชนไม่มีหลักฐานทางดิจิทัลที่ชัดเจนว่าแพทย์ผู้นั้นมีสิทธิประกอบวิชาชีพหรือไม่ เพราะอาจเป็นกรณีมีการสะกดผิด เปลี่ยนนามสกุล ปัญหาทางเทคนิค บางอย่าง ทำให้ ประชาชน ไม่มั่นใจ ถ้าจะแจ้งความ เดี๋ยวกลายเป็น คนแจ้งผิดซะเอง ถ้าเป็นปัญหาว่า สะกดผิด เลย search ไม่ขึ้น

ยิ่งเมื่อเกิดเหตุในวันหยุดราชการหรือช่วงนอกเวลาทำการของแพทยสภา การร้องทุกข์หรือแจ้งตำรวจแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะแพทยสภาก็ต้องหยุดทำการนอกเวลา

"อย่าลืมว่า ถ้าเป็นหมอปลอม ต้องแจ้ง สบส. แต่ถ้าเป็น หมอจริงที่ suspended แล้วแอบมาทำเวชกรรม ต้องแจ้งแพทยสภา ให้เอาผิดโดยเพิกถอน License ตามมาตรา 41 วรรคสอง (ซึ่งต้องรอศาลพิพากษาว่าผิด ลงโทษตามมาตรา 43 ก่อน) ซึ่ง น่าจะอีกยาวนานๆๆๆๆ) คนผิดถึงได้ใจ เคยตัว

2.ความจำเป็นต้องทบทวนแนวทาง

แพทยสภาในฐานะองค์กรวิชาชีพมีพันธกิจสองด้านที่ต้องรักษาสมดุล ด้านหนึ่งคือการคุ้มครองเกียรติของแพทย์ และให้โอกาสผู้กระทำผิดกลับตัว แต่อีกด้านหนึ่งคือการคุ้มครองประชาชนไม่ให้ได้รับอันตรายจากผู้ที่ไม่มีสิทธิประกอบวิชาชีพ

การ “ไม่แสดงชื่อเลย” อาจทำให้ประชาชนเสี่ยงถูกหลอกลวง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเสริมความงาม ธุรกิจขายสินค้าสุขภาพ เทคโนโลยีสุขภาพราคาแพง ที่มีการโฆษณาเกินจริงโดยแพทย์ทั้งๆที่มีข้อห้าม การแสดงวุฒิปลอม หรือ โอ้อวด หรือ หลอกลวงเกินจริง และแพทย์เคยถูกลงโทษซ้ำซาก

3.แนวทางของประเทศต่าง ๆ

ประเทศ ระบบเปิดเผย หมายเหตุ สหราชอาณาจักร (GMC) เปิดเผยทุกกรณีที่มีการพักใช้ใบอนุญาต พร้อมระบุวันเริ่ม–สิ้นสุด มีระบบ “Medical Register” ให้ประชาชนตรวจสอบได้ทันที

ออสเตรเลีย (AHPRA) เปิดเผยตั้งแต่ครั้งแรกที่พักใบฯ เพื่อคุ้มครองผู้ป่วย ระบุสถานะชัดว่า “Suspended” หรือ “Conditions Applied”

สิงคโปร์ (SMC) เปิดเผยเฉพาะกรณีที่พักใบฯ เกิน 3 เดือน หรือมีลักษณะกระทำผิดซ้ำซาก เน้นความสมดุลระหว่างสิทธิส่วนบุคคลกับการคุ้มครองสาธารณะ

ประเทศไทย (ปัจจุบัน) ไม่เปิดเผยในช่วงพักใบฯ (Search ไม่พบชื่อ) มีข้อถกเถียงในวงกรรมการแพทยสภาเอง ว่าควรปรับระบบให้โปร่งใสขึ้น

จากการเปรียบเทียบจะเห็นว่า ประเทศที่มีระบบแพทยสภาเข้มแข็ง มักเลือกแนวทาง “เปิดเผยสถานะ” อย่างน้อยในบางกรณี เพื่อรักษาความไว้วางใจของสาธารณะ (public trust)

4.ข้อเสนอของ “ประชาคมแพทย์”

ประชาคมแพทย์เห็นว่า ควรมี ข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการเปิดเผยสถานะผู้ถูกพักใช้ใบอนุญาตซ้ำซาก
โดยมีหลักการสำคัญดังนี้

(1) กรณีผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต “ตั้งแต่ครั้งที่สองขึ้นไป” ให้ระบบสืบค้นของแพทยสภา "แสดงชื่อบุคคลนั้น ได้ ถ้ามีการพิมพ์ชื่อมา" พร้อมข้อความระบุว่า “อยู่ระหว่างการพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม” โดยระบุเพียงระยะเวลาการพักใช้ ไม่ต้องเปิดเผยรายละเอียดของคดีหรือข้อกล่าวหา อย่างใดทั้งสิ้น

(2) หากเป็นการกระทำผิดซ้ำซาก “ครั้งที่สาม” ให้เพิ่มคำว่า "ครั้งที่สาม" เพื่อให้ประชาชนทราบอย่างชัดเจน อาจเปิดเผยข้อความสั้นๆ เช่นของข้อกล่าวหา เพื่อเป็นการป้องปรามแพทย์ผู้อื่นไปในตัว เช่น เป็นกรณีโฆษณาสินค้า กรณีออกใบรับรองแพทย์ กรณีเป็นแพทย์แขวนป้าย กรณีโอ้อวดวุฒิโดยระบุว่าแต่ละครั้งเป็นกรณีใด แต่ไม่ต้องลงรายละเอียด การระบุเพียงหัวข้อ เพื่อ ให้เป็นตัวอย่าง ให้แพทย์ผู้อื่นไม่กระทำผิดเช่นนี้

(3) การเปิดเผยข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประชาชน ไม่ถือเป็นการประจานหรือกระทบสิทธิส่วนบุคคล เพราะเป็นข้อมูลเชิงสาธารณะตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม มาตรา 7 (4) และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 มาตรา 24(4) 24(6) และ 26(2) ซึ่งมีการคำนึงถึงการปกป้องด้วยหลักของการได้สัดส่วนที่เหมาะสมด้วย (ผิดครั้งแรก ไม่เปิดเผย , ผิดซ้ำซาก เปิดเผยมากขึ้นตามลำดับ)

(4) เมื่อครบกำหนดพักใช้ใบอนุญาต ระบบจะปรับสถานะกลับเป็น “Active” โดยอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้เกิดตราบาปทางดิจิทัลถาวร

5.เหตุผลเชิงจริยธรรมและกฎหมาย

การเปิดเผยข้อมูลสถานะไม่ใช่การ “ลงโทษซ้ำ” แต่เป็น “การแจ้งเตือนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน”
ผู้ที่กระทำผิดซ้ำซาก (ตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป) แสดงเจตนาที่ไม่เคารพต่อกฎหมายวิชาชีพ

การเปิดเผยสถานะในระบบ search จะช่วยลดการปลอมตัวเป็นแพทย์ และช่วยให้ตำรวจหรือหน่วยงานสาธารณสุขสามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น

การไม่เปิดเผยใด ๆ ทำให้ประชาชนขาดข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินใจ ซึ่งอาจเข้าข่ายละเลยต่อหน้าที่คุ้มครองสาธารณะขององค์กรวิชาชีพ

6.สรุปข้อเสนอเชิงนโยบาย

1.ออกข้อบังคับแพทยสภาใหม่ ว่าด้วย “การเปิดเผยสถานะผู้ถูกพักใช้ใบอนุญาตซ้ำซาก”
2.ใช้หลักเกณฑ์เปิดเผยตั้งแต่ “ครั้งที่สอง” ขึ้นไป
3.ระบุสถานะในระบบสืบค้นเท่านั้น ไม่เปิดเผยรายละเอียดคดี แต่หากเป็นการทำผิดครั้งที่ 3 ให้ระบุหัวข้อ เพื่อเป็นการป้องปรามสังคมของแพทย์
4.ครบกำหนดพักใบฯ ให้ระบบปรับสถานะอัตโนมัติ
5.ตั้ง “คณะกรรมการกลั่นกรองการเปิดเผยข้อมูล” เพื่อพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณี

7.บทส่งท้าย

“ความไว้วางใจของสังคมเป็นทุนสำคัญที่สุดของวิชาชีพแพทย์” แพทยสภาจึงไม่ควรปกป้องบุคคลที่ละเมิดกติกาซ้ำซาก แต่ควรยืนอยู่ข้างประชาชน โดยเปิดเผยข้อมูลเท่าที่จำเป็น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยและศรัทธาในวิชาชีพแพทย์

เรียน #นายกแพทยสภา #เลขาธิการแพทยสภา #กรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณามาตรการที่ประชาคมแพทย์เสนอมานี้ เพื่อคุ้มครองประชาชน ในยุคที่คดีจริยธรรม ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนแพทย์ที่เพิ่มขึ้น จะเข้าสู่หลักแสนในอีกไม่กี่ปี อัตรากำลังของอนุกรรมการ ที่พิจารณา เรื่องเหล่านี้น่าจะ มีไม่มากเพียงพอ ต่อคดีที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน หากไม่มีมาตรการ เชิงป้องปราม

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top