แนวหน้าวิเคราะห์ : เขมรกระเจิง! ปฏิบัติการเสียงผ่านลำโพง

แนวหน้าวิเคราะห์ : เขมรกระเจิง! ปฏิบัติการเสียงผ่านลำโพง

วันจันทร์ ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.20 น.

ถึงกับผวาจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว สำหรับชาวกัมพูชา หลังจากฝั่งไทยเปิดเสียงผ่านลำโพงขนาดใหญ่เป็นซาวด์ผีโหยหวน ตั้งแต่เวลา 22.44 น.ของวันที่ 10 ตุลาคม จนถึงเวลา 00.04 น.ของวันที่ 11 ตุลาคม และเสียงเครื่องบินซึ่งถูกเปิดตั้งแต่เวลา 03.22 น.ถึง 03.53 น.ของเช้าวันที่ 11 ตุลาคม

ไม่เพียงเท่านั้น ปฎิบัติการดังกล่าว ยังมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคืนวันที่ 11 ตุลาคม ก็ยังดำเนินการอยู่


ทั้งนี้ ในคืนแรก (11 ตุลาคม) เป็นการเปิดเสียงไปยังพื้นที่บ้านเปยจันทร์ อ.ออโจโร จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ฝ่ายกัมพูชาส่งตัวแทนพร้อมเจ้าหน้าที่ IOT ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบในค่ำคืนที่ผ่านมา

ส่วนคืนต่อมา (12 ตุลาคม) ได้มีการเปลี่ยนยุทธวิธีเป็นการเปิดประวัติความเป็นมาของบ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว รวมถึงการบรรยายการให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ที่ฝ่ายไทยเคยปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัย

เพจ Army Military Force รายงานว่า ทหารกัมพูชาได้เกณฑ์เด็กและคนแก่ให้มาตั้งเต็นท์นอนกลางชุมชน เพื่อจำลองสถานการณ์ ให้ดูเหมือนว่าประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนจริงจากเสียงดัง

กรณีดังกล่าว คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (CHRC) ได้ส่งคำร้องเรียนด่วนไปยัง นายโวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UNHCHR) ขอให้ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ทำการรบกวนชาวบ้าน ที่อาศัยบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วและหนองจาน ซึ่งถือเป็นการทำสงครามทางจิตวิทยากับชาวบ้านที่อาศัยในบริเวณดังกล่าว

และยังว่า การกระทำดังกล่าวของส่งผลกระทบต่อชีวิตของพลเรือนที่อาศัยบริเวณชายแดน สร้างความกังวล รบกวนการนอนหลับ สร้างความเครียดให้กับกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้หญิง เด็กและผู้สูงอายุ โดยการกระทำเหล่านี้ขัดแย้งโดยตรงต่อหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งยึดมั่นในสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และการเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกันในหมู่ประชาชาติ

นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชาได้เรียกร้องให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวโดยทันที และขอให้ยุติการข่มขู่ทางจิตใจในทุกรูปแบบต่อชาวกัมพูชา พร้อมกับเชิญให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ ส่งคณะสังเกตการณ์ลงพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาพร้อมให้ความร่วมมือและจะอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งด้วย

การดำเนินการของ กัน จอมพลัง อินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดัง เป็นที่ชื่นชมของประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีบางคน ที่เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกไม่ควร ก็เช่นเดียวกับกรณีที่เอารถสูบส้วมไปประชิดแนวชายแดนแล้วถูกวิพากษ์วิจารณ์นั่นแหละ

ส่วนกรณีที่ กัน จอมพลัง ให้การสนับสนุนการใช้เสียงดังผ่านลำโพงไปยังกลุ่มชาวกัมพูชานั้น เขาได้ตอบโต้นักสิทธิมนุษยชนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กลับไป ว่า เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่ไทยคำนึงถึงมาโดยตลอด แต่ในความเป็นจริง ฝ่ายกัมพูชาก็เคยนำเด็ก ผู้หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และพระสงฆ์ไปตั้งอยู่หน้าแนวปะทะ พร้อมกล่าวหาว่ามีการทำร้ายและด่าทอทหาร แต่กลับไม่มีนักสิทธิฯ ออกมาท้วงติงฝ่ายกัมพูชา ส่วนเมื่อฝ่ายไทยดำเนินการบางเรื่อง กลับมีนักสิทธิมนุษยชน ออกมาปกป้องชาวกัมพูชา จึงเป็นเหตุให้ตนยังยืนยันจะดำเนินกิจกรรมต่อไป

ขณะที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า ฝ่ายกัมพูชาต้องทำความเข้าใจบริบทของพื้นที่ดังกล่าวว่าเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาบุกรุกเข้ามาในเขตไทย มีความขัดแย้งมาอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และยังพบว่า ฝ่ายกัมพูชามีการจัดตั้งมวลชนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทางการ เข้าขัดขวางและยั่วยุต่อฝ่ายไทย ทำให้ประชาชนคนไทยได้รับผลกระทบและเกิดความไม่พอใจจำนวนมาก จนหลายกลุ่มได้ออกมาแสดงออกด้วยวิธีต่างๆ เพื่อกดดันชาวกัมพูชาและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐเร่งดำเนินการจัดการกับปัญหา หนึ่งในนั้นคือการใช้เครื่องเสียงเปิดเสียงในลักษณะที่อาจทำให้ประชาชนกัมพูชาเกิดความไม่สบายใจ

“การแสดงออกของชาวไทยในการเปิดเครื่องเสียงดังกล่าวนั้น เป็นการแสดงออกด้วยวิธีที่ไม่ใช้ความรุนแรง เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ฝ่ายกัมพูชาบุกรุกแผ่นดินไทย และบิดเบือนสร้างเรื่องราวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโดยไม่พยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น” พล.ต.วินธัย กล่าว

ในทางกลับกัน หากมองย้อนไปที่ฝ่ายกัมพูชา จะพบว่าเมื่อมีการชุมนุมมักใช้วิธีก้าวร้าวและมีสิ่งเทียมอาวุธเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ไทยจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าฝ่ายกัมพูชาควรหาทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน แทนที่จะออกมาเรียกร้องต่อการกระทำของฝ่ายไทยในกรณีที่เกิดขึ้น

โฆษกกองทัพบก ระบุว่า ทุกวิธีการที่อาจนำมาใช้สนับสนุนการแก้ปัญหาในพื้นที่ จ.สระแก้ว นั้น เจ้าหน้าที่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนควบคู่ไปด้วย เพื่อให้เห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายยังคงเลือกวิธีที่จะก่อให้เกิดอันตรายน้อยที่สุดก่อน

ทั้งนี้ เมื่อลองไล่เรียงย้อนหลังไปก็จะพบว่า ฝ่ายไทยเราต้องอดทนอดกลั้นอย่างสูงต่อการยั่วยุของกัมพูชามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหารหรือพลเรือน รวมทั้งอินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดังหลายราย ที่มีความพยายามสร้างภาพว่าถูกไทยเรารังแก ทั้งที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพื่อหวังให้ชาวโลกมองว่า ไทยเป็นฝ่ายรุกราน ส่วนพวกเขาเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำ ซึ่งก็อาจจะมีบางชาติที่ยังพอจะเชื่อคำพูดของกัมพูชาอยู่

แต่ทุกวันนี้นานาอารยะประเทศส่วนใหญ่ได้มองเห็นความจริงที่ชัดเจนขึ้นแล้ว

- ทีมข่าวแนวหน้า

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top