‘กรมส่งเสริมการเกษตร’ เร่งผลิต - ขยาย - กระจาย ‘มันสำปะหลังพันธุ์ดีต้านทานโรคใบด่าง’

‘กรมส่งเสริมการเกษตร’ เร่งผลิต - ขยาย - กระจาย ‘มันสำปะหลังพันธุ์ดีต้านทานโรคใบด่าง’

วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 16.51 น.

กรมส่งเสริมการเกษตร เดินหน้าขับเคลื่อนแผนเร่งผลิต ขยาย และกระจาย “มันสำปะหลังพันธุ์ดีต้านทานโรคใบด่าง” ทั่วประเทศ เพื่อลดความรุนแรงของการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง (Cassava Mosaic Disease) ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส Sri Lankan Cassava mosaic virus

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับท่อนพันธุ์มันสำปะหลังพันธุ์ต้านทานโรคใบด่าง “อิทธิ 1, 2 และ 3” จากมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ จำนวน 15,000 ลำ เพื่อขยายพันธุ์ร่วมกับหน่วยงานภาคี โดยมีเป้าหมายกระจายพันธุ์ให้เกษตรกรปลูกทดแทนต้นพันธุ์เดิมที่ติดโรค


ผลการเปรียบเทียบพบว่า พันธุ์อิทธิ 1 ติดโรคต่ำกว่า 1% ผลผลิตเฉลี่ย 3,700 กก./ไร่ แป้ง 23.7%

พันธุ์อิทธิ 2 ไม่พบการติดโรค ผลผลิต 3,900 กก./ไร่ แป้ง 16.8%

พันธุ์อิทธิ 3 ไม่พบการติดโรค ผลผลิต 2,700 กก./ไร่ แป้ง 19.2%

เมื่อเทียบกับพันธุ์เดิม เช่น KU50 ระยอง 72 และห้วยบง 60 ที่มีการติดโรคสูงถึง 50–70% พบว่าพันธุ์อิทธิทั้ง 3 ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงให้ผลผลิตและปริมาณแป้งใกล้เคียงพันธุ์เดิม และพบว่าเกษตรกรให้ความสนใจพันธุ์ “อิทธิ 1” มากที่สุด เนื่องจากลำต้นตั้งตรง ดูแลง่าย และไม่แตกแขนงมาก

ทั้งนี้ ในปี 2567 กรมฯ ได้ใช้เทคโนโลยีขยายพันธุ์เร่งรัด X20 และ X80 เพื่อผลิตต้นพันธุ์จำนวนกว่า 240,000 ต้นพันธุ์ บนพื้นที่กว่า 150 ไร่ โดยส่งมอบท่อนพันธุ์ต้านทานให้เกษตรกรกว่า 200,000 ลำ ใน 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มแปลงทดสอบและถ่ายทอดเทคโนโลยี ครอบคลุม 20 จังหวัด 45 แปลง เพื่อให้เกษตรกรเปรียบเทียบผลที่จะได้รับกลุ่มแปลงใหญ่มันสำปะหลังในพื้นที่ระบาดรุนแรง เช่น ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา กาญจนบุรี อุทัยธานีและสระแก้ว เป็นต้น เพื่อทดแทนพันธุ์เดิมที่ติดโรค โดยเกษตรกรที่ได้รับท่อนพันธุ์ต้องคืนท่อนพันธุ์ 50% เข้าธนาคารท่อนพันธุ์ชุมชน เพื่อกระจายให้เกษตรกรรายอื่นต่อไป โดยผลติดตามกว่า 4 เดือน ไม่พบการระบาดของโรคใบด่างในแปลงของเกษตรกรในโครงการ

สำหรับปี 2568 กรมฯ ได้รับต้นพันธุ์เพิ่มเติมอีก 50,000 ลำ รวมผลผลิตพันธุ์ต้านทานในปี 2567–2568 ทั้งสิ้น 290,000 ลำ (1,160,000 ท่อน) และตั้งเป้าขยายพันธุ์ในปี 2569 เพิ่มเป็น 2.2 ล้านลำ (8.8 ล้านท่อน) เพื่อนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกขยายทำเป็นธนาคารท่อนพันธุ์ ซึ่งจะทำให้การผลิตท่อนพันธุ์ต้านทานเร็วขึ้น

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สนับสนุน ชุดตรวจวินิจฉัยโรคใบด่างมันสำปะหลัง (SLCMV-ICG Strip Test) ให้แก่สำนักงานเกษตรจังหวัด เพื่อคัดกรองต้นพันธุ์สะอาด รวม 52 จังหวัด พร้อมจัดอบรมสาธิตการใช้งานให้เจ้าหน้าที่และเกษตรกรสามารถตรวจแปลงเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง

ทั้งนี้ การใช้ชุดตรวจเพื่อยืนยันว่าท่อนพันธุ์ไม่มีเชื้อไวรัสสาเหตุการเกิดโรคใบด่างแฝงไว้โดยไม่แสดงอาการ และป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนในต้นมันสำปะหลังที่แสดงอาการด่างจากสาเหตุอื่น เช่น การใช้สารกำจัดศัตรูพืช หรือการขาดธาตุอาหาร เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรเชื่อมั่นในการคัดเลือกต้นพันธุ์ที่ปลอดโรคใบด่าง สาหรับใช้ขยายพันธุ์ในฤดูกาลผลิตต่อไป หรือจำหน่ายให้เกษตรกรรายอื่นได้อย่างมั่นใจ

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินการต่อไป “กรมส่งเสริมการเกษตรจะร่วมสนับสนุนและบูรณาการความร่วมมือกับสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย สมาคมมันสำปะหลัง 4 สมาคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ สวทช. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยพัฒนาพันธุ์มันสำปะหลังต้านทานโรคใบด่าง รวมทั้งการขยายและกระจายพันธุ์ดีสู่เกษตรกรให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยให้ก้าวสู่ระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน”

ทั้งนี้ แผนการผลิต ขยาย และกระจายพันธุ์ดีดังกล่าว ได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการบริหารจัดการศัตรูมันสำปะหลัง ครั้งที่ 2/2568 เพื่อให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพสูงสุด

-(016)

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top