วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568
นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวการบุกจับโกดังเก็บบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ในย่านกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ยึดของกลางกว่า 30,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 15,000,000 บาท ย้ำรัฐบาลเอาจริง เดินหน้ามาตรการเชิงรุกป้องกันและปราบปรามเครือข่ายลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันและปกป้องสังคมไทยให้ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน
วันที่ 28 ตุลาคม 2568 นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการขับเคลื่อนการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมด้วย พล.ต.ท. ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัยผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
และนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมแถลงข่าวการทลายเพจบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหารวม 2 ราย ประกอบด้วย นายสมชาย เจนวจีพร และ น.ส. ชนิศา พร้อมยึดของกลางบุหรี่ไฟฟ้า ชนิดสูบแล้วทิ้ง ยาบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเติม และชนิดเปลี่ยนหัว เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ารวมกว่า 30,000 ชิ้น มูลค่าของกลางประมาณ 15,000,000 บาท พร้อมยึดสมุดบัญชีธนาคารและบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เงินสด จำนวน 1,600,000 บาท ณ โกดังแห่งหนึ่ง ซอยกิ่งแก้ว ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
นายสันติ ปิยะทัต เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่อาจตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ค้า พร้อมขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและซื่อสัตย์ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการดำเนินงานเชิงรุก ทั้งด้านการสืบสวนสอบสวนและการขยายผล เพื่อตัดวงจรเครือข่ายการนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย หรือผู้มีส่วนร่วมในเครือข่ายดังกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญและมีความกังวลต่อปัญหาการสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้เร่งผลักดันการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ถึงภัยอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน เพื่อป้องกันการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว พร้อมขอความร่วมมือจากสถานศึกษา ครอบครัว และชุมชน ให้ร่วมกันเฝ้าระวังและป้องกันอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเทคโนโลยีและแฟลตฟอร์มออนไลน์รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อร่วมกันตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายกับผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต พร้อมผลักดันมาตรการเชิงรุกเพื่อสกัดกั้นการเข้าถึงของเยาวชนอย่างเป็นระบบและจริงจัง
“รัฐบาลพร้อมเดินหน้าเชิงรุกครบทุกมิติ ทั้งการรณรงค์ป้องกัน การปราบปราม และการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด เพื่อให้สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริง” นายสันติ กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ท. ณัฐศักดิ์ฯ กล่าวถึงพฤติการณ์ในคดีว่า ตำรวจสอบสวนกลางภายใต้โครงการ“สายตรวจออนไลน์” ได้ขยายผลจากการตรวจสอบเครือข่ายลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ชื่อ “VST นวลจันทร์” ซึ่งมีการจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์และขนส่งเอกชนทั่วประเทศ ซึ่งจากการสืบสวน เจ้าหน้าที่พบจุดพักสินค้าและโกดังในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่หลายจุดในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรปราการ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาและยึดของกลางได้ พร้อมเดินหน้าขยายผลไปยังเครือข่ายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน นายรณรงค์ กล่าวว่า สคบ. เน้นการทำงานเชิงรุกและประสานทุกหน่วยงานในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชน หากมีเบาะแสเกี่ยวกับการจำหน่ายหรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้ง สคบ. ผ่านช่องทาง สายด่วน สคบ. โทร. 1166
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี