 วันเสาร์ ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
                วันเสาร์ ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
             
								ตำรวจไซเบอร์รวบยกบริษัทโลจิสติกส์ ส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง หลังล้วงคองูเห่า เตรียมลวงรองผู้กำกับ ตร.ไซเบอร์
วันที่ 31 ตุลาคม 2568 ที่บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.คมกฤช สุขไทย ผบก.สอท.3 และ พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว รวบยกบริษัท โลจิสติกส์ส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง หลังล้วงคองูเห่า กะส่งลวงรองผู้กำกับ ตร.ไซเบอร์
สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.ปกรกิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนในสังกัด ร่วมกับ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนในสังกัด ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามกรณี มีผู้โพสต์เตือนภัยผ่านทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับกลุ่มมิจฉาชีพที่ส่งพัสดุไปยังผู้รับโดยที่ผู้รับไม่ได้สั่ง เพื่อหลอกเก็บเงินปลายทาง โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าวแล้วหลายราย
โดยระหว่างการสืบสวนนั้น มิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าวยังได้ส่งพัสดุไปยังที่อยู่ของ พ.ต.ท.เอนก ยอดหมวก รอง ผกก.3 บก.สอท.2 เพื่อหวังหลอกเก็บเงินปลายทางด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้โอกาสซ้อนแผน และร่วมกันสืบสวนและติดตามเส้นทางการเงินย้อนกลับไป จนพบหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึง นายศิวัจน์ฯ กรรมการผู้จัดการบริษัทโลจิสติกส์แห่งหนึ่ง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลอาญาเพื่อเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว

ต่อมา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 ต.ค.68 พ.ต.อ.ปกรกิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2, พ.ต.ท.เอนก ยอดหมวก รอง ผกก.3 บก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ในสังกัด ได้สนธิกำลังร่วมกับ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ในสังกัด นำหมายศาลเข้าตรวจค้น “บริษัท โกดั ง โลจิสติกส์ฯ” ในพื้นที่ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. ผลการตรวจค้น พบนายศิวัจน์ฯ อายุ 32 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ พร้อมด้วยพนักงานบริษัทอีก 3 ราย ที่กำลังนั่งทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันซักถาม จนนายศิวัจน์ฯ ยอมรับว่า ตนเองได้ร่วมกันส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทางจริง
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุด ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่บรรจุสินค้าไร้คุณภาพเพื่อส่งให้เหยื่อ โดยสามารถตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ดังนี้
      1. คอมพิวเตอร์ จำนวน 4 เครื่อง พบข้อมูลชื่อที่อยู่ของเหยื่อสำหรับจัดส่งกว่า 100,000 รายชื่อ
      2. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 8 เครื่อง
      3. สมุดบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) จำนวน 10 เล่ม
      4. บัตร ATM ของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) จำนวน 13 ใบ
      5. ซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนแล้วสำหรับใช้สมัครส่งพัสดุเก็บเงินปลายทาง (COD)  จำนวน 304 เลขหมาย
      6. กล่อง/ถุง บรรจุพัสดุที่ติดฉลากชื่อผู้รับพัสดุเตรียมส่ง จำนวน 494 ชิ้น
      7. กล่อง/ถุง บรรจุพัสดุแพ็กเรียบร้อยแต่ยังไม่ได้ติดฉลากชื่อผู้รับพัสดุ จำนวน 517 ชิ้น
      8. เสื้อผ้ามือสอง (ไว้บรรจุ) จำนวน 320 ตัว
      9. กล่องกระดาษเปล่าเตรียมไว้สำหรับบรรจุพัสดุ จำนวน 2,900 กล่อง
     10. อุปกรณ์การแพ็กพัสดุพร้อมเครื่องพิมพ์สติกเกอร์ชื่อที่อยู่ของเหยื่อครบชุด
โดยนายศิวัจน์ฯ ยอมเปิดเผยว่า ตนเองทำมาประมาณ 1 ปีแล้ว โดยเปิดบริษัทรับ-ส่งพัสดุ พร้อมทั้งเปิดเพจขายสินค้าตามปกติทำให้มีรายชื่อลูกค้าที่ได้จากการยิงแอดโฆษณา จากนั้นเอารายชื่อลูกค้าที่เคยสั่งสินค้ากับตนเองมาเป็นเหยื่อในการส่งพัสดุที่เป็นพวกเสื้อผ้ามือสองที่ได้เหมาซื้อในราคาถูกมา จากนั้นได้จ้างคนให้แพ็กสินค้าไร้คุณภาพดังกล่าวใส่กล่องพัสดุที่โกดังของตนเองในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อส่งให้เหยื่อตามที่อยู่ที่ตนเองมีข้อมูล โดยใช้ระบบเก็บเงินปลายทาง หรือ Cash On Delivery (COD) ในราคาประมาณ 400 บาท ซึ่งผู้รับสินค้าไม่ได้สั่งจริงแต่อย่างใด
 
 
จากประสบการณ์ในบริษัทขนส่งพัสดุของตนเอง ทำให้พบสถิติว่า ปัจจุบันประชาชนทั่วไปมีการสั่งสินค้าออนไลน์กันจำนวนมาก โดยเมื่อส่งสินค้าไปแล้วหลายคนลืมว่าตนเองเคยสั่งหรือไม่ หลายคนก็ให้ญาติพี่น้องที่อยู่บ้านเป็นผู้รับสินค้าและจ่ายเงินให้แทนเพราะหลงคิดว่าตนเองสั่ง โดยพบว่ามีคนหลงเชื่อจ่ายเงินประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของที่ส่งไปทั้งหมด จึงได้วางแผนส่งสินค้าเก็บเงินปลายทางประมาณ 12,500 ชิ้นต่อเดือน โดยสั่งการให้พนักงานในบริษัทเป็นผู้ทำระบบลูกค้า แล้วทยอยส่ง User ละ 100 ชิ้น ซึ่งตนเองคอยจัดหาบัญชีม้ามาเพื่อรับเงินค่าพัสดุเก็บเงินปลายทางจากบริษัทขนส่ง ทำให้มีรายได้ประมาณ 5 แสนบาทต่อเดือน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 4 คน ดังนี้ 
      1. นายศิวัจน์ฯ อายุ 32 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ/ หัวหน้าขบวนการ
      2. นายสหัสชัยฯ อายุ 34 ปี ทำหน้าที่ จัดการรายชื่อผู้รับพัสดุ (เหยื่อ)
      3. นายภานุวัฒน์ฯ อายุ 28 ปี ทำหน้าที่ จัดหาบัญชีม้า และซิมม้าเพื่อนำมาลงทะเบียนส่งพัสดุ 
      4. นายธนกฤตฯ อายุ 28 ปี ดูแลระบบบัญชี
ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเช้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นอีก ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งขยายผลไปยังผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่นๆ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี พร้อมทั้งสืบสวนทรัพย์สินเพื่อตรวจยึดกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ปกรกิตติ์ กล่าวว่า สำหรับการกระทำเช่นนี้ บริษัทขนส่งพัสดุเอกชนมีการตรวจสอบลูกค้าที่เอาพัสดุมาส่งด้วยเป็นปกติ แต่นายศิวัจน์ฯ เคยทำงานกับบริษัทขนส่งพัสดุมาก่อน จึงเห็นช่องโหว่ของระบบบริษัท จึงได้เปิด User ด้วยซิมผีที่จดทะเบียนแล้ว เพื่อเอามาลงทะเบียนเปิด User จำนวนมาก โดยใช้ส่งพัสดุ User ละ 100 กล่อง
เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของระบบบริษัทขนส่งพัสดุ หากบริษัทขนส่งเห็นความผิดปกติของ User และบล็อก User นั้นแล้ว นายศิวัจน์ฯ คนร้ายก็ยังสามารถเอาซิมมือถืออื่นที่ลงทะเบียนแล้วมาเปิด User ใหม่ ทำให้แม้บริษัทขนส่งจะตรวจจับและบล็อก User ได้ คนร้ายก็สามารถเอา User ใหม่ มาใช้กระทำผิดได้อีก.
 
								
							โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี