รอบรั้วเมืองใต้ : 06 พฤศจิกายน 2568

รอบรั้วเมืองใต้ : 06 พฤศจิกายน 2568

วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
Tag :

รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม  ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น..  เรื่องของไฟใต้ ที่ยังมีความสูญเสีย อย่างต่อเนื่อง  สัปดาห์ ที่ผ่านมา มีทั้งการวางระเบิดแสวงเครื่อง จุดตรวจยุทธศาสตร์ ,วางระเบิดแสวงเครื่องชุด ชคต ,เผาเครื่องจักรกลบริษัทรับเหมาสร้างถนน ,ยิงอาสาสมัครทหารพราน. โจมตีฐานตำรวจชุดปฎิบัติการพิเศษ,โจมตีชุดคุ้มครองตำบล และเผากล้องวงจรปิด ในหลายพื้นที่ของจังหวัดปัตตานี และนราธิวาส เป็นการปฏิบัติการเพื่อก่อการร้าย อย่างต่อเนื่อง ในเดือน ตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนแรกของการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ของพล.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 .....ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นการก่อการร้ายของบีอาร์เอ็น เพื่อเป็นการต้อนรับแม่ทัพใหม่ เพราะการก่อการร้าย ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการก่อการร้ายตามวงรอบ ที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า เพียงแต่จะถามว่า แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ พล.ท.นรธิป โพยนอก จะมียุทธศาสตร์ อย่างไรในการรับมือ กับการก่อการร้าย ของบีอาร์เอ็น .....เคยเขียนถึงหลายครั้งว่าการตั้งป้อมยาม จุดตรวจ ของ เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และ ชุดคุ้มครองตำบล หรือ ชคต. ต้องไม่ตั้งในชุมชน ที่ติดกับบ้านเรือนประชาชน ติดกับตลาด เพราะเมื่อถูกซุ่มโจมตี จากฝ่ายตรงข้าม ประชาชน คือผู้ได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับการวางระบิดแสวงเครื่อง ที่จุดตรวจยุทธศาสตร์ บ้านปาลัส อ.มายอ จ.ปัตตานี นอกจากป้อมยามของเจ้าหน้าที่ ได้รับความเสียหาย และเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ ยังมีบ้านเรือน ,รถรา ของประชาชนได้รับความเสียหาย เป็นจำนวนมาก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ไม่กล้าที่จะยิงตอบโต้ กับฝ่ายตรงข้าม เพราะกระสุนปืน อาจะถูกประชาชน ที่อยู่ในบริเวณนั้น แต่ไม่มีการใส่ใจ ยังมีการตั้งจุดตรวจ,ป้อมยาม และ ชุด ชคต. ติดกับชุมชนที่มีการวางระเบิดและซุ่มโจมตี ทุกครั้ง ชาวบ้านเป็นผู้รับเคราะห์ และเจ้าหน้าที่ เป็นฝ่ายสูญเสีย เพราะโต้ตอบ ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้....และที่ต้องสอบถาม อีกประเด็น คือกล้องซีซีทีวี ในพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นจำนวนมาก ถูกเผาทำลายเป็นรายคืน จนกล้องซีซีทีวี ที่ติดตั้ง ในพื้นที่ต่างๆ ถูกทำลาย จนเกือบหมดแล้ว  ทั้งที่ในทุกตำบล มีฐานปฏิบัติการของทหารตำรวจ และชุดคุ้มครองตำบล หรือ ชคต. แต่ฐานปฏิบัติการ เหล่านี้ ไม่มีแผนในการป้องกัน หรือจับกุม กลุ่มแนวร่วม ที่ทำการเผาทำลายกล้องซีซีทีวี ในตอนกลางคืน ทำไม เจ้าหน้าที่ จึงไม่มีการซ้อนแผน ในการป้องกัน และจับกุม กลุ่มแนวร่วม ที่เข้ามาเผาทำลายกล้องซีซีทีวี เหล่านี้ หรือหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ ประจำฐานปฏิบัติการ และชุดคุมครองตำบล มีเพียงคุ้มครองฐานปฏิบัติการ ให้ปลอดภัย จากการถูกซุ่มโจมตี แต่ไม่มีหน้าที่ คุ้มครองป้องกัน สิ่งสาธารณประโยชน์และจับกุมแนวร่วม ที่เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะอยู่อย่างนี้ตลอดไป อย่างนั้นหรือ....และที่น่าเป็นห่วงคือจังหวัดนราธิวาส เมื่อมีการเปลี่ยนผบ.ฉก.นราธิวาส คนใหม่ คือ พล.ต.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์ โดยมีการย้ายกำลังพลของ พล.ร.15 ที่รับผิดชอบพื้นที่นราธิวาส  ออกจากพื้นที่ และนำกำลังจาก กองทัพภาคที่ 1 และรบพิเศษ จำนวน 800 นาย มาปฏิบัติหน้าที่แทน ก็เข้าใจ นะว่า การโยกย้ายกำลังแบบล้างบาง ครั้งนี้ เพื่อต้องการเปิดสงคราม การแพ้-ชนะ กับ กองกำลังติดอาวุธ ของบีอาร์เอ็น เพราะนราธิวาส เป็นพื้นที่ซึ่งมีเหตุรุนแรง และมีความถี่ ของการก่อเหตุ มากที่สุด เมื่อเทียบกับปัตตานี และยะลา เนื่องจาก กองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็น มีความเข้มแข็ง และมีการเข้า-ออกระหว่าง จ.นราธิวาสกับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งมีการลำเลียง ระเบิดแสวงเครื่อง และยุทธโธปกรณ์ จาก กลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อมาก่อเหตุ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ ผบ.ฉก. คนใหม่ ต้องการสู้รบแบบแตกหัก กับ บีอาร์เอ็น จึงมีการนำกำลังของกองทัพภาคที่ 1 มา แทนที่ เพื่อง่าย ในการบังคับบัญชา.....แต่ก็ อย่าลืมว่า กำลังทหารจากภาคที่ 1 ต้องมาเริ่มต้นใหม่ ในการเข้าใจ เข้าใจ พื้นที่ ปัญหาและประชาชน การปรับเปลี่ยน กำลังพล อย่างนี้ แน่ใจได้อย่างไรว่า จะได้รับชัยชนะ จากการสู้รบ กับกองกำลังติดอาวุธ ของบีอาร์เอ็น และ เชื่อว่า หลังจากนี้ไปพื้นที่ของ นราธิวาส จะต้องมีการก่อเหตุ จาก กองกำลังติดอาวุธ ของบีอาร์เอ็น ถี่ขึ้น  แต่อย่างไรก็ขอให้แนวคิด ในการนำทหารจากกองทัพภาคที่ 1 มาแทนที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 ของ พล.ต.ยอดอาวุธ พิ่งพักตร์  รอง แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผบ.ฉก. นราธิวาส ประสพความสำเร็จ สามารถใช้กำลังทหาร จากกองทัพภาคที่ 1 เพื่อเอาชัยชนะ ต่อบีอาร์เอ็นได้อย่างที่ต้องการ และหวังว่าประชาชน ผู้บริสุทธิ์  เอกชนที่เป็นผู้ลงทุน และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ในพื้นที่ของนราธิวาส จะไม่กลายเป็นเหยื่อ ของบีอาร์เอ็น เพื่อตอบโต้ ปฎิบัติการ ของ เจ้าหน้าที่รัฐ.....อีกเรื่องที่น่าหนักใจ สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบ ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือการขับเคลื่อน ของขบวนการนักศึกษา และภาคประชาสังคม ที่เรียกร้อง และสนับสนุนต่อปาเลสไตน์ ที่สู้รบ กับอิสราเอล แต่ไม่เคยเรียกร้อง ให้บีอาร์เอ็น หยุดการเข่นฆ่าและการก่อการร้าย ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นใจ และเข้าข้าง เมื่อบีอาร์เอ็น ถูก วิสามัญฆาตกรรม และถูกจับ แต่กับเจ้าหน้าที่ และประชาชน ผู้บริสุทธิ์ ที่สูญเสีย จากฝีมือของบีอาร์เอ็น ขบวนการนักศึกษา และ ภาคประชาสังคม ไม่เคยปรากฏกาย หรือแสดงออก ถึงความเสียใจ แต่อย่างใด แน่นอน ถ้าพฤติกรรม ของสังคม ยังเป็นอย่างนี้ เชื่อเถอะ สถานการณ์ความไม่สงบ ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีทางที่จะได้เห็น แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์.....

 ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์


โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top