วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
รวบแล้ว! ผู้ต้องหาฆ่าชิงทรัพย์ไกด์สาวภูเก็ต หมกศพในรถทิ้งที่เปลี่ยว สารภาพสิ้นไส้ปมประสงค์ต่อทรัพย์
เมื่อเวลา 19.30 น.วานนี้ (10 พ.ย.) ร.ต.ท.สุเมธ เพชรเรือน รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งพบรถต้องสงสัยที่หายไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณข้างบ้านร้างใต้ต้นมะม่วงภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอย 12 ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งคาดว่าเป็นรถของบุคคลที่ญาติได้แจ้งความไว้กับ สภ.วิชิต เมื่อวันที่ 7 พ.ย.68 เนื่องจากหายตัวไปไม่กลับบ้านพักตามปกติ จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.อรรถวัฒน์ สุวรรณรัตน์ รองผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ตเ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยว มีบ้านร้าง ใต้ต้นไม้ใหญ่พบรถเก๋งยี่ห้อนิสสันซันนี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ภูเก็ตจอดอยู่ โดยประตูรถไม่ได้ล๊อค เมื่อมองผ่านกระจกเข้าไปภายในรถ พบศพหญิงสาวศีรษะทิ่มลงที่วางเท้า ขาชี้อยู่บนเบาะคนนั่ง สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นลายดอก นุ่งกางเกงขายาวสีดำ จากนั้น พฐ.ได้เปิดประตูรถเพื่อตรวจสอบ โดยภายในรถมีร่องรอยการต่อสู้ ไฟส่องสว่างที่ติดอยู่เพดานรถแตก พระที่ตั้งอยู่หน้ารถกระจัดกระจาย ในมือขวาของศพกำพระเครื่องหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดอยู่ 1 องค์ เบื้องต้นไม่พบบาดแผลตามร่างกายของศพ เนื่องจากสภาพศพขึ้นอืด ผิวหนังบวมและเปลี่ยนสีแล้ว จึงไม่เห็นบาดแผลที่เด่นชัด เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ทราบชื่อผู้ตายคือ น.ส.อรทัย หรือ ไกด์กลาง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี มีอาชีพเป็นมัคคุเทศก์หรือไกด์ของบริษัทท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ตและยังเป็นอุปนายกสมาคมมัคคุเทศก์อันดามัน จึงนำศพออกจากรถแล้วนำส่ง รพ.วชิระภูเก็ตเพื่อผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งว่า น.ส.อรทัย ไม่ได้กลับเข้าบ้านหมู่ 2 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต ตั้งเเต่วันที่ 7 พ.ย. โดยญาติแจ้งว่าตามปกติ น.ส.อรทัย จะจอดรถไว้ที่ห้างโลตัส ภูเก็ต จากนั้นจะโดยสารรถยนต์ของบริษัทไปทำงาน โดยจะกลับมาถึงห้างในช่วงเวลาเย็น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนตรวจสอบข้อมูลกล้องวงจรปิด จึงทราบว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย.68 เวลาประมาณ 16.47 น. หลังจาก น.ส.อรทัย กลับมาจากทำงาน มาถึงห้างแล้ว น.ส.อรทัย ได้เดินออกจากห้างไปขึ้นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน ภูเก็ต ขณะเดินไปที่รถของตนนั้น ได้มีคนร้ายทราบชื่อภายหลัง คือ นายจิรศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ได้เดินตาม น.ส.อรทัย ไปที่รถ ขณะที่ น.ส.อรทัย กำลังเปิดประตูเข้าในรถ นายจิรศักดิ์ ได้แอบเปิดประตูด้านหลังขวาเข้าไปรถ โดยอยู่ในรถกับผู้เสียชีวิตประมาณ 2 ชั่วโมง โดยใช้มือรัดคอผู้ตายจนแน่นิ่ง จากนั้นได้ปลดสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาทของผู้ตาย และเอาโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง พระเลี่ยมทอง 2 องค์ กระเป๋าถือ สีแดง 1 ใบไปด้วย แล้วขับรถออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนติดตาม จนพบนายจิรศักดิ์ฯ ขณะขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน บน 6719 ภูเก็ต อยู่บนถนนบายพาสมาถึงแยกบางคูจึงส่งสัญญาณให้หยุดรถ เมื่อนายจิรศักดิ์ฯ หยุดรถแล้วจึงเข้าควบคุมตัว จากนั้นได้ควบคุมตัวไปชี้จุดที่นำรถมาจอดทิ้งไว้

จากการสอบถาม นายจิรศักดิ์ ทำงานรับจ้างเดินสายอินเตอร์เน็ต ยอมรับสารภาพว่า เมื่อเวลา 16.47 น.วันที่ 7 พ.ย.68 ได้ไปพบผู้ตายที่ห้างโดยบังเอิญ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยขณะนั้นผู้ตายกำลังเดินออกจากตัวห้างไปยังลานจอดรถของห้าง จากนั้นตนเองได้เดินตามไป เมื่อคนตายเปิดรถเก๋ง ตนจึงเปิดประตูหลังคนขับเข้าไปในรถและมีการต่อสู้กันภายในรถ โดยคนตายพยายามจะดิ้นรนและจะเปิดแตรรถให้คนอื่นได้ยิน แต่ตนได้ล๊อคคอและรัดคอคนตายไว้ ทำให้มือคนตายไปคว้าพระเครื่องที่ห้อยอยู่หน้ารถกำอยู่ในมือ จากนั้นผู้ตายแน่นิ่ง ผลักคนตายไปที่เบาะคนนั่งแล้วอ้อมมานั่งที่เบาะคนขับนำเสื่อที่อยู่ในรถมาปิดบังศพไว้ แล้วได้ปลดทองสร้อยคอทองคำไปขายที่ ร้านทองภายในห้าง ได้เงินจำนวน 48,420 บาท นำเงินไปใช้หนี้สินส่วนตัวจนหมด จากนั้นได้ขับรถยนต์เก๋ง คันทะเบียน ภูเก็ต ของ น.ส.อรทัย มาทิ้งไว้บริเวณ ซอยหมู่บ้านดังกล่าว และขับรถกระบะกลับไป อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยตนจะขับรถไปกลับ พังงา-ภูเก็ต ทุกวัน ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ในทุกๆเช้าจะขับรถไปวนดูจุดที่รถผู้ตายจอดและ หลังเลิกงานก่อนกลับพังงาจะขับรถวนไปดู

ด้าน พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตกล่าวว่า หลังจากที่ สภ.วิชิตได้รับแจ้งคนหายเมื่อวันที่ 8 พ.ย.68 จากนั้นเราได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ปรากฎว่าผู้เสียชีวิตไปเดินซื้อของอยู่ที่ห้าง สามกอง และมีชายเดินตามแล้วขึ้นรถของผู้ตายไป โดยผู้เสียชีวิตขาดการติดต่อไป เมื่อตรวจสอบจากพยานหลักฐานต่างๆ จนพบว่าชายดังกล่าวอายุราว 43 ปี จึงเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาในเวลาต่อมา และนำเรามาสู่จุดที่พบศพภายในรถคันที่เกิดเหตุ เบื้องต้นเป็นเหตุที่ประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้ตาย โดยมีสร้อยทองคำหนัก 1 บาทและโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องที่หายไป ซึ่งผู้ต้องหาได้นำสร้อยคอทองคำไปขาย โดยอยู่ระหว่างการติดตามนำทรัพย์สินกลับคืนมา ซึ่งเราสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ขณะขับรถติดไฟแดงอยู่ที่สี่แยกบ้านบางคู ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต เนื่องจากผู้ต้องหาจะขับรถไปกลับบ้านที่อำเภอท้ายเหมือง จ.พังงาทุกวัน จนเราสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด และแจ้งข้อหาฆ่าชิงทรัพย์ผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม ขณะที่นายจิรศักดิ์กำลังชี้ที่เกิดเหตุอยู่นั้น ได้มีกลุ่มเพื่อนของ น.ส.อรทัยผู้ตายที่ทราบข่าวได้วิ่งเข้าไปชกที่ใบหน้านายจิรศักดิ์ไป 1 ครั้ง เนื่องจากโกธรแค้นที่ฆ่าเพื่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี