ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเยื้อน เซ่งฟัด อายุ 72 ปีชาวบ้านหมู่ที่ 3 บ้านคลองคุ้ย ต.ปากแจ่ม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ใช้พื้นที่ว่างข้างสวนยางพารา ติดกับลำห้วยในหมู่บ้านประมาณครึ่งไร่เพื่อปลูกผักกูดเมื่อปี 2554 จำนวน 30 ต้น ผ่านมา 14 ปีต้นผักกูดแตกกอ ออกเป็นกว่า 200 ต้น โดยได้น้ำที่ไหลลงมาจากฝายในโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้ต้นผักกูดเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ลำต้นอวบอ้วนกว่าที่อื่น ส่งขายกิโลกรัมละ 30 บาท แต่ละสัปดาห์จะเก็บผักกูดประมาณ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 กิโลกรัม สร้างรายได้ 500-600 บาท

ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในชุมชนที่สั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่หากมีงานบุญ งานบวชหรืองานประจำปีในหมู่บ้าน ก็จะเก็บผักกูดไปช่วยงานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และแบ่งปันให้กับผู้ยากไร้นำไปทำกับข้าว บางรายหากมีพื้นที่ว่างข้างบ้าน ก็จะแจกต้นพันธุ์เพื่อนำไปเพาะปลูก ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านมีสวนผักกูดกันแทบทุกหลังคาเรือน บางคนก็ได้ขาย บางคนก็ได้กิน ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนลงไปได้มาก แต่ผลผลิตก็ยังไม่พอต่อความต้องการของตลาด ทำให้คุณยายเยื้อน ยังต้องเก็บขายผักกูดขายทุกสัปดาห์

ซึ่งคุณประโยชน์ของผักกูดคือ มีคลอโรฟิลสูง มีไฟเบอร์สูง ช่วยบำรุงสายตา ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงผิวพรรณให้สดใส ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางเพราะมีธาตุเหล็กสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ และแร่ธาตุอื่น ๆ โดยสามารถทำอาหารได้หลากหลายเมนู แต่เมนูยอดฮิต คือยำผักกูด ต้มกะทิ และลวกจิ้มน้ำพริก เป็นผักพื้นบ้านที่ปลูกง่าย ขยายพันธุ์ได้เร็วในพื้นที่ชุ่มน้ำ ปลอดภัยจากสารเคมี ทำให้ผักกูดเป็นที่นิยมของคนทุกเพศ ทุกวัย มีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย