วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กรมการปกครอง ถอนสัญชาติไทย ลูก 3 คน ของ ก๊ก อาน สว.กัมพูชา หลังตรวจพบมีการแอบอ้าง นำคนสัญชาติไทย ซึ่งไม่ใช่พ่อแม่แท้จริง มาเป็นพ่อแม่ของตัวเองในการแจ้งเกิด ถือเป็น “คนต่างด้าว” เตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน กรมการปกครอง เผยแพร่รายงานผลการดำเนินการทางทะเบียน กรณีนายก๊อกอัน หรือก๊ก อาน สว.กัมพูชา และบุตร ความว่า กรมการปกครองถอนสัญชาติ ลูก 3 คน ของนายก๊กอานเนื่องจากได้แอบอ้างนำคนสัญชาติไทยซึ่งไม่ใช่พ่อแม่แท้จริง มาเป็นพ่อและแม่ของตัวเอง ดังนั้น จึงถือว่าบุตรของนายก๊กอาน “เป็นคนต่างด้าว ที่ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย” จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย
มีเนื้อหาดังนี้ กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบข้อมูลในทางลับจากหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยงานทางการข่าว พบว่า นายก๊กอาน (KOK AN) บุคคลสัญชาติกัมพูชา มีต้นแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของประเทศกัมพูชา ประกอบธุรกิจหลายประเทซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มกาสิโน ค้ามนุษย์ การฟอกเงิน สแกมเมอร์ และถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายไทย และได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ ทั้งยังมีบุตรจำนวน 3 ราย ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยระบุว่ามีบิดามารดา เป็นบุคคลสัญชาติไทย จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง กรมการปกครอง ในฐานะสำนักทะเบียนกลางซึ่งมีอำนาจกำกับดูแลสำนักทะเบียนทุกแห่ง ได้เร่งรัดในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการมีถิ่นที่อยู่ และการได้สัญชาติไทยดังกล่าวแล้ว
โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักทะเบียนกรุงเทพมหานคร สำนักทะเบียนอำเภอ และส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ผลปรากฏว่า
1. นายก๊กอาน (KOK AN) บุคคลสัญชาติกัมพูชา ได้รับให้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยโดยถูกต้อง จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจริง แต่ด้วยบุคคลดังกล่าวได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้ดำเนินการแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ทำให้ใบถิ่นที่อยู่นั้นไม่สามามารถใช้ได้อีกต่อไป จึงได้แจ้งให้สำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพฯ ดำเนินการจำหน่ายชื่อของบุคคลดังกล่าวออกจากทะเบียนบ้านด้วยแล้ว (นายก๊กอาน มีเลขประจำตัว xxxx และมีทะเบียนบ้านอยู่ในอยู่ในเขตประเวศ กรุงทพฯ) โดยคาดว่าจะจำหน่ายชื่อในทะเบียนบ้านได้ ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 และจะทำให้บุคคลดังกล่าวมีสถานะ “เป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอาศัยในประเทศไทย”
2. บุตรของนายก๊กอาน (KOK AN) บุคคลสัญชาติกัมพูชา จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1.น.ส.จรี คล่องกิจกล ,2.น.ส.ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล (ยูไล่) และ 3.นายกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล ได้ตรวจสอบพบว่าได้สัญชาติไทยโดยทุจริต เนื่องจากได้แอบอ้างนำคนสัญชาติไทยซึ่งไม่ใช่บิดามารดาที่แท้จริงมาระบุว่าเป็นบิดามารดาของตนในขณะที่ได้มีการแจ้งการเกิดเกินกำหนด ณ สำนักทะเบียนอำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด
จึงถือว่าบุคคลดังกล่าว ทั้ง 3 ราย นั้น ไม่มีสัญชาติไทยตั้งแต่แรก โดยมีการยกเลิกสูติบัตรที่ได้มีการแจ้งการเกิดโดยทุจริต และสำนักทะเบียนกลางได้แจ้งให้สำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพฯ ดำเนินการจำหน่ายชื่อของบุคคลดังกล่าวออกจากทะเบียนบ้านด้วยแล้ว เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 โดยทั้ง 3 คนมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ)
โดยปัจจุบันบุคคลทั้ง 3 ราย ถือว่า “เป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย” และจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายจากผลที่ได้มีการแจ้งการเกิดโดยทุจริตต่อไป
กรมการปกครอง ขอเรียนต่อพี่น้องประชาชนว่าการได้สัญชาติไทยและการได้ใบสำคัญถิ่นที่อยู่เป็นการก่อให้เกิดสิทธิความเป็นพลเมืองไทย หากมีบุคคลต่างด้าวแฝงตัวเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายและได้รับสิทธิดังกล่าวแล้วจะทำให้ประชาชนคนไทยเกิดความเดือดร้อนได้ โดยนโยบายของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้มุ่งเน้นปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามเกล่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติทกรูปแบบ หากมีบุคคลได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติหรือได้สัญชาติไทยภายหลังการเกิด พบว่ามีพฤติกรรมที่มีการกระทำควานผิดในเงื่อนไขที่สามารถถอนสัญชาติไทยได้ ถือว่าเป็นบุคคลที่ทำร้ายคนไทยไม่ควรมีสัญชาติไทยต่อไป และจะพิจารณาถอนสัญชาติโดยเด็ดขาดทุกกรณี
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกมธ. เป็นประธานการประชุม พิจารณากรณีสแกมเมอร์ รวมถึงเว็บพนัน ที่เชื่อมโยงถึงบุคคลทางการเมือง ต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเชิญ นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม และนายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 คน ไม่มา
โดยนายรังสิมันต์ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่านายชนนพัฒฐ์ ตอนแรกแจ้งว่าจะมาชี้แจง แต่สุดท้ายได้แจ้งมาว่าติดภารกิจในพื้นที่ แต่ไม่มีหนังสือแจ้งมา ส่วนนายสมยศ ทำหนังสือแจ้งว่าติดภารกิจไปต่างประเทศ ทำให้การพิจารณาวันนี้ จะเน้นไปที่ขบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตามตัวแทนของปปง.ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการตรวจสอบเว็ปพนันเว็บจิมิ 88 และเว็บจิมิ 44
รวมทั้งทรัพย์สินที่ปปง.ได้อายัดไว้ชั้วคราวจากนายชนนพัฒน์ และพวกว่ามีอะไรบ้าง
นายสมยศ ได้ทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกับบุคคลที่ปปง.อายัดทรัพย์ไว้มากกว่า 1 คดี และอยู่ระหว่างการสืบสวน
เวลา 12. 30 น. นายเชิดศักดิ์ ชุ่มนาเสียว นายอำเภอคลองใหญ่ พร้อมด้วย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอำเภอคลองใหญ่ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ที่ 182 บ้านหาดเล็ก ตำรวจภูธรอำเภอคลองใหญ่ รับมอบตัวชาวไทยจำนวน 28 ราย ที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยได้รับการช่วยเหลือจาก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้ออกเอกสารเดินทางฉุกเฉิน (Emergency Travel Document) ให้แก่กลุ่มคนไทยจำนวน 28 คน ที่เดินทางไปขอรับความช่วยเหลือ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2568
โดยแรงงานไทยทั้ง 28 ราย ชาย 20 ราย หญิง 8 ราย มีอายุตั้งแต่ 18 ปี จนถึง 37 ปี และมาจากหลากหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย อาทิ เชียงใหม่, อุบลราชธานี, สุพรรณบุรี, กรุงเทพมหานคร, สุราษฎร์ธานี, และนครปฐม เป็นต้น ซึ่งใน 28 ราย มีหมายจับจำนวน 4 ราย จึงแยกตัวออกมา เพื่อส่งตัวดำเนินคดีตามหมายจับแต่ละจังหวัดต่อไป
ชายวัย 21 ปี ชาวจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า ตนเองเห็นประกาศรับสมัครงานออนไลน์ว่าเปิดรับแอดมินตอบแชทออนไลน์ บริษัทแห่งหนึ่งใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่เมื่อมาถึงถูกยึดโทรศัพท์มือถือ และบัตรประชาชน ก่อนจะนำตัวไปที่จังหวัดไพรแวง ริมชายแดนกัมพูชา- เวียดนาม และถูกบังคับให้ทำงานอยู่ที่ตึกสแกมเมอร์ มีหน้าที่หลอกคนไทยในลักษณะหลอกลงทุน โดยปลอมเป็นตัวละครต่างๆและปลอมบริษัทเอกชน ด้านการลงทุน โดย 2 เดือนแรก ได้ค่าจ้าง 800 ดอลลาร์สหรัฐ (40 บาท / 1 US. แต่จะถูกหักค่าประกัน 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
แต่ตนเองทำได้แค่ 2 ยอดไม่ถึงที่กำหนดไว้ ก่อนจะถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ ต่อมาเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายเงินดังนี้ ทำยอดได้ 200000 บาท จะได้รับเงิน 1,100 US ทำยอดได้ 80,000 บาท จะได้รับเงิน 800 US หาทำยอดได้ 50,000 บาท จะได้รับเงิน 500 US แต่เดือนที่ 3 - 8 ตนไม่สามารถหลอกใครได้เลย จึงถูกทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง สุดท้ายถูกหัวหน้าคนจีนแจ้งตำรวจ ชายวัย 21 ปี ชาวจังหวัดหนองคาย ยังบอกต่อ ว่ายังคงมีชาวไทยที่ยังทำอยู่ในตึกสแกมเมอร์อีกหลายคน และบางคนยังสามารถหลอกลงทุนเดือนละ 6-7 ล้านบาทก็มี
ขณะที่หญิงสาววัย 19 ปี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ตนเองไปสมัครงานเป็นแอดมินตอบแชท โดยได้รับค่าจ้างประมาณ 25,000 - 30,000 บาทต่อเดือน จึงตัดสินใจสมัครงานกับบริษัทนี้ จากนั้นมีคนขับรถมารับตัวถึงที่จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วมาลงนอนพัก 1 คืน ที่กรุงเทพฯ เขตอ่อนนุช ในรุ่นขึ้นมีคนไทยก็พาตนเองไปยังด่านคลองลึง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อ้างว่าต้องไปฝึกงานก่อนที่นี้ แต่มาถึงก็พาข้ามแดนไปยังด่านปอยเปรต จ.ศรีโสภณ ประเทศกัมพูชา แล้วพาตัวไปยังตึกสแกมเมอร์ 7 ชั้น และบอกว่าให้ทำงานโพสต์รับจ้างเช่าบัญชี (บัญชีม้า) แต่ระหว่างนั้นตนเองถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด เพื่อขอความช่วยเหลือจากทางบ้าน เนื่องจากไม่ใช่งานที่ตนเองต้องการทำ กระทั่งถูกจับได้ แอบใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพ ก่อนถูกหัวหน้า(ชาวจีน) ยึดโทรศัพท์มือถือเครื่องวัน และเพิ่มมาตรการไปเรื่อยๆจนยึดมือถือแบบถาวร และทำร้ายร่างกาย พร้อมทั้งข่มขืนด้วย โดยที่ตนเองไม่ได้รับเงินเดือนแต่อย่างใดก่อนที่จะถูกตำรวจจับกุมตัว.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี