วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สัปเหร่อเห็นแจ้งตำรวจ ช่วย 3 หนูน้อยนอนวัด หวั่นถูกล่อลวง พบเด็กเก็บขวดขาย 25 บาท ซื้อไก่ปิ้งแบ่งกันกิน ตำรวจพาส่งหาญาติ
ที่ จ.อุดรธานี สงสารจับใจ สามหนูน้อยนอนเรียงกันอย่างน่าสงสาร ปลุกขึ้นมาสอบถามเผยชีวิตรันทดเก็บเศษขวดขายหลังพ่อแม่ตายอยู่กับยายและญาติไม่ได้เรียนหนังสือ เก็บขวดขายได้เงิน 25 บาทซื้อข้าวเหนียวปิ้งไก่แบ่งกันกินหลบมานอนที่วัด สัปเหร่อเห็นแจ้งตำรวจช่วยส่งกลับญาติ หวั่นถูกล่อลวงไปทางไม่ดี
ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งจากสัปเหร่อ วัดโพธิวราราม ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี พบเด็กเยาวชนนอนพักอยู่ภายในวัดจำนวน 3 คนไม่รู้เป็นใครมาจากไหน ขอให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.พงษ์พล ผิวผ่อง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบทันที โดยที่ศาลาธรรมสังเวชข้างเมรุเผาศพภายในวัดดังกล่าว พบเด็กชาย 3 คน ทราบชื่อภายหลังคือ ด.ช.เติ้ล อายุ 12 ปี,ด.ช.พี อายุ 11 ปี และด.ช.เต้ย อายุ 10 ปี กำลังนอนหลับสนิทอยู่บริเวณศาลา เจ้าหน้าที่ได้ปลุกขึ้นมา สอบถามเบื้องต้น ทราบว่า ทั้ง 3 คน ออกจากบ้านมาเพื่อฝึกซ้อมเชิดสิงโตที่ศาลเจ้าปู่ย่า ซ้อมเสร็จได้พากันออกหาเก็บขวดและของเก่าขาย ได้เงินมา 25 บาท นำไปซื้อข้าวเหนียวไก่ย่างกิน ก่อนจะมานอนพักที่วัดโดยไม่ได้กลับบ้าน

สอบถามเพิ่มเติมทราบว่า ด.ช.พี อาศัยอยู่กับผู้ปกครองในชุมชนวัดโพธิวราราม ส่วนเด็กชายเติ้ลและเต้ย เป็นพี่น้องกันอาศัยอยู่กับยายภายในอาคารร้างของตำรวจรถไฟ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ส่วนพ่อและแม่เสียชีวิต จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาเด็กทั้ง 3 คนส่งคืนญาติ พร้อมกำชับให้ผู้ปกครองดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีก
นายแดง สัปเหร่อวัดโพธิวราราม เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ขณะกำลังจะมาทำความสะอาดศาลาธรรมสังเวช เพื่อเตรียมสถานที่จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ พอมาถึงก็พบเด็กชาย 3 คน นอนรวมกันอยู่บริเวณศาลาในสภาพน่าสงสาร หนาวสั่นไปทั้งตัว จึงเข้าไปปลุกและสอบถาม ทราบว่าเด็กทั้งหมดมีบ้านและอยู่ในวัยเรียน แต่ไม่ไปโรงเรียนตามปกติ

นายแดง กล่าวต่อว่า พื้นที่ศาลาธรรมสังเวชมักมีคนไร้บ้านหรือเร่ร่อนเข้ามานอนพักอยู่เป็นประจำ จึงรู้สึกหดหู่ใจเมื่อเห็นเด็กเล็กๆ ต้องมานอนอยู่เช่นนี้ ทั้งที่ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ และมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนเหมือนเด็กทั่วไป จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเหลือและตรวจสอบทันที
ด้าน ร.ต.อ.พงษ์พล ผิวผ่อง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีเด็กและเยาวชนมานอนค้างอยู่ภายในวัดโพธิวรารามตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จึงนำกำลังออกตรวจสอบ พบเด็กชายทั้ง 3 คนอยู่บริเวณศาลาธรรมสังเวช สอบถามเด็กทั้งหมดให้การตรงกันว่า ออกจากบ้านตั้งแต่เมื่อวานเพื่อไปฝึกซ้อมเชิดสิงโตมังกรที่ศาลเจ้าปู่ย่า หลังซ้อมเสร็จได้ชักชวนกันไปเก็บของเก่าขายได้เงิน 25 บาท นำไปซื้อข้าวเหนียวไก่ย่างรับประทาน ก่อนจะพากันมานอนพักที่วัด เนื่องจากรู้สึกเหนื่อยล้า โดยเด็กทั้ง 3 ราย ยืนยันว่ามีผู้ปกครอง และอ้างว่าผู้ปกครองทราบเรื่องที่มานอนที่วัด

ร.ต.อ.พงษ์พล กล่าวอีกว่า หลังตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเด็กทั้งหมดมีที่อยู่ชัดเจน จะได้พาไปส่งคืนผู้ปกครอง พร้อมกำชับให้ดูแลเอาใจใส่บุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กในวัยนี้ยังขาดวุฒิภาวะและการตัดสินใจ อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีได้ หากผู้ปกครองปล่อยปละละเลย


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาเด็กทั้ง 3 คนขึ้นรถสายตรวจ เพื่อนำไปส่งถึงมือผู้ปกครอง โดยรายแรก เด็กชายพี เจ้าหน้าที่ได้พาไปส่งที่บ้านในชุมชนวัดโพธิวราราม ซึ่งอยู่ห่างจากวัดเพียงประมาณ 500 เมตร โดยเด็กชายพีอาศัยอยู่กับปู่ จากนั้นได้พาเด็กชายเติ้ลและเด็กชายเต้ย ซึ่งเป็นพี่น้องกันทราบว่าพ่อแม่เสียชีวิตอาศัยอยู่กับยายที่อาคารร้างแฟลตตำรวจรถไฟ ริมทางรถไฟ ภายในเขตเทศบาลนครอุดรธานี
โอกาสนี้ ร.ต.อ.พงษ์พล ผิวผ่อง ได้อบรมและตักเตือนผู้ปกครองของเด็กทั้งสามราย ให้ช่วยกันดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ไม่ควรปล่อยปละละเลย เพราะเด็กยังอยู่ในวัยเยาว์และขาดความยับยั้งชั่งใจ อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีได้ โดยผู้ปกครองของเด็กทั้งสามรายต่างน้อมรับคำแนะนำและกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมขอโทษที่ดูแลเด็กไม่ทั่วถึง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี