วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เตือนไทยหนาววูบ
อุณหภูมิลด4-7องศา
รมว.เกษตรคาดน้ำลด
สู่ภาวะปกติกลางธ.ค.
อุตุฯเตือนไทยตอนบนหนาว อุณหภูมิลด 4-7 องศาฯ ภาคใต้มีฝนหนัก ด้านกรมชลฯเผยแนวโน้มน้ำเจ้าพระยาลดลงหลังจากฝนตกน้อยลง ชี้สัญญาณเข้าสู่ฤดูแล้ง ชาวอ่างทอง ยังอ่วมน้ำท่วมสูง ส่วนกรุงเก่า แช่น้ำนับเดือน ขณะที่ ‘ธรรมนัส’คาดสัปดาห์ที่ 2เดือนธ.ค.สถานการณ์น้ำจะกลับสู่ภาวะปกติ
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 น.ส.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ฉบับที่ 5 เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ระบุว่าช่วงวันที่ 17-23 พฤศจิกายน 2568 ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศแปรปรวน โดยจะมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ในระยะแรก โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง และมีอากาศเย็นถึงหนาว โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 4-7 องศาเซลเซียส
ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาฯ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้
สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้
ขณะที่คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งช่วงวันที่ 19-23 พฤศจิกายน 2568
ด้านกรมชลประทาน อัปเดตสถานการณ์น้ำเจ้าพระยา ว่าหลังจากปริมาณฝนตกทางตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง หลายพื้นที่อากาศเริ่มหนาวเย็น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าปริมาณน้ำท่าในแม่น้ำสายหลัก ที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และกำลังเข้าสู่ฤดูแล้งแล้ว
สำหรับปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลัก ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นจุดรวมของแม่น้ำสายหลัก มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,931 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที โดยระดับน้ำอยู่ที่ 24.73 เมตร ยังคงต่ำกว่าตลิ่ง 0.97 เมตร และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,775 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 17.52 เมตร และระดับน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ 16.41 เมตร ซึ่งแนวโน้มยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่สถานี C.29B อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ยอยู่ที่ 2,284 ลบ.ม./วินาที
ส่วนแนวทางการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาในระยะนี้ กรมชลประทาน ยังคงหน่วงน้ำไว้บริเวณเหนือเขื่อนตามความจำเป็นไม่เกิน +17.70 ม.รทก.และรับน้ำเข้าระบบชลประทาน ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมปรับลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบด้านท้าย และเตรียมเข้าสู่ฤดูการส่งน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2568/69 (1 พฤศจิกายน 2568-เมษายน 2569)
ที่ จ.อ่างทอง ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณหมู่ 5 และ 6 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก ว่าระดับน้ำยังท่วมสูง บ้านชั้นเดียวเกือบมิดหลังคา ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ชาวบ้านต้องกางเต็นท์เพิงพักชั่วคราวริมถนน และตามศาลริมถนน ส่วนบ้าน 2 ชั้นไต้ถุนสูง ยังพออยู่อาศัยได้ แต่ต้องอาศัยเรือพายเข้าออก ซึ่งชาวบ้านต่างอยู่ในความเครียด รอวันน้ำลดลง บางรายถึงขั้นนอนไม่หลับ ต้องอาศัยยาคลายเครียด โดยเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน 2,755 ลบ.ม./วินาที ไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าศาลากลาง จ.อ่างทอง ระดับน้ำสูง 9.44 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 8 เมตร จากระดับตลิ่งที่มีเขื่อนกั้นน้ำ 10 เมตร
ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และคลองสาขาต่างๆ โดยพบว่าที่สะพานจุฬามณี ซึ่งเป็นสะพานเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา เชื่อมต่อพื้นที่ ต.บ้านกุม ต.บางชะนี อ.บางบาล และเชื่อมต่อ จ.อ่างทอง ช่วงเชิงสะพาน ความยาวประมาณ 400 เมตร น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วม สูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ระดับน้ำลดลงเล็กน้อย ส่วนชุมชนที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้ง 2 ฝั่ง พบว่าระดับน้ำยังท่วมสูงประมาณ 3-4 เมตร บ้านเรือนหลายหลังน้ำท่วมถึงชั้น 2 โดยบางหลังน้ำท่วมถึงขอบหน้าต่าง ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชาวบ้านจะเตรียมการรับมือไว้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวน้ำท่วมแทบทุกปี แต่สถานการณ์ในรอบนี้หนักกว่าหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากระดับน้ำสูงและยังมีแนวโน้มจะท่วมนานกว่าปกติ
นายพนม ชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว เปิดเผยว่า บ้านตนถูกน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ขณะที่บ้านของชาวบ้านที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา หรือพื้นที่ลุ่ม ถูกน้ำท่วมก่อนหน้านี้แล้ว โดยน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ ชาวบ้านต่างเข้าใจดีว่านี้มีโอกาสน้ำท่วมเป็นประจำ แต่ปีนี้ระดับน้ำสูงผิดปกติ ท่วมจนถึงชั้น 2 บางหลังท่วมครึ่งบ้าน ทำให้ไม่สามารถอยู่อาศัยได้และต้องเผชิญความเดือดร้อนอย่างหนักในการใช้ชีวิต
วันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำ ภายหลังเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปรับลดการระบายน้ำเป็น 2,775 ลบ.ม./วินาที ว่าจากการประชุมที่กรมชลประทาน ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ติดตามสถานการณ์น้ำทั้งในลำน้ำหลัก และลำน้ำสาขา ผ่านศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าหากไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามา จะสามารถควบคุมปริมาณน้ำได้ ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะใน จ.พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ใกล้เคียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือไว้แล้ว
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามา คาดการณ์ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนธันวาคมนี้ สถานการณ์น้ำจะเข้าสู่สภาวะปกติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี