วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 สำนักพระราชวังได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเบื้องหน้าพระโกศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.2568 เวลา 08.00 – 21.00 น. โดยมีข้าราชบริพารหน่วยราชการในพระองค์ เจ้าหน้าที่สํานักพระราชวัง จิตอาสา 904 และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อย รวมถึงคอยให้คำแนะนำอำนวยความสะดวกผู้สูงอายุ ผู้พิการและประชาชนตลอดเส้นทางเพื่อให้การเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

สำหรับบรรยากาศวันนี้ นับเป็นวันที่ 11 ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯและหลายจังหวัด พร้อมใจแต่งกายด้วยชุดสุภาพสีดำไว้ทุกข์เดินทางมาผ่านจุดคัดกรองที่ท้องสนาทหลวง และพักยังจุดพักคอยที่อุโมงค์หน้าพระลาน เข้าประตูมณีนพรัตน์ มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
.jpg)
และมีคณะบุคคลจากจังหวัดต่างๆ อาทิ จ.ชัยนาท, จ.ชัยภูมิ , จ.ชุมพร, จ.เชียงราย มีกลุ่มชาติพันธุ์ 6 กลุ่ม ประกอบด้วยอาข่า ลาหู่ ม้ง เย้า จิน และลีซอ แต่งกายด้วยชุดชาติพันธุ์พื้นเมือง, สภาสถาปนิก, คณะนักศึกษา วปรอ. รุ่น 4313, คณะนักเรียนอนุบาลโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ, กลุ่มผู้พิการ และเครือข่ายองค์กรคนพิการทั่วประเทศ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นางสาวซาบิดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำคณะผู้บริหาร วธ.กรมการศาสนา และศาสนิกชนทั้ง 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์–ฮินดู และศาสนาซิกข์ จาก 15 องค์การ เข้าร่วมกราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ทั้งนี้ ประชาชนจะได้รับภาพพระฉายาลักษณ์ และภาพพระโกศ พระบรมศพ ไว้เป็นที่ระลึก พร้อมทั้งมีการแจกเข็มกลัดโบว์ดำไว้อาลัย พระราชทาน จากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตรงประตูทางออกแก่ประชาชนที่มาถวายบังคมพระบรมศพด้วย
.jpg)
5 ผู้นำศาสนาถวายความอาลัย
ด้าน ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ ประธานร่วมกรรมการประสานงานคริสตจักรโปรเตสแตนท์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า องค์กรคริสต์ทั้ง 5 องค์กร พร้อมใจมาถวายความอาลัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เราทุกคนต้องยอมรับว่า เราอยู่ในประเทศไทยซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังมีพระชนม์ชีพ รับรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจที่ทรงงานเพื่อราษฎรมาโดยตลอด

ที่ผ่านมา สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงให้การสนับสนุนช่วยเหลือองค์กรศาสนาคริสต์หลายองค์กร ในด้านพันธกิจต่างๆ ทั้งในทางตรงทางอ้อม เคยเสด็จฯ ไปทรงร่วมงานของโรงเรียนคาทอลิกหลายครั้ง เนื่องจากทรงศึกษาในโรงเรียนคาทอลิกเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ และเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรบนภูเขา ทรงริเริ่มโครงการต่างๆมากมาย ชนเผ่าต่างๆที่นับถือศาสนาคริสต์ก็ได้รับประโยชน์ ถ้าจะพรรณนาก็คงไม่หมด
”ส่วนตัวผมมีเรื่องราวซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่จดจำได้ไม่ลืม คือเมื่อตอนน้ำท่วมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ผมเขียนหนังสือชื่อว่า น้ำท่วมใจ ใจท่วมน้ำ สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ แจ้งมาเพื่อขอให้ใส่หนังสือไปในถุงยังชีพพระราชทาน เพื่อนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัย ภายหลังสมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคต คริสตชนพร้อมใจกันจัดกิจกรรมถวายความอาลัยแด่พระองค์ท่านอย่างต่อเนื่อง เพื่อน้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
.jpg)
นายอนันต์ สัจเดว์ สมาคมตรีคุรุสิงห์สภา กล่าวว่า การสูญเสียพระองค์ท่านเป็นความโศกเศร้าของพสกนิกรไทยทั้งประเทศ ขณะที่สมเด็จพระพันปีหลวงทรงพระประชวรประทับโรงพยาบาลจุฬาฯ ชาวไทยซิกข์สวดมนต์ให้พระองค์ทรงหายจากพระประชวร แต่เมื่อสวรรคตทรงเป็นแม่แห่งชาติและเป็นองค์อุปถัมภ์ศาสนาซิกข์ ชาวไทยซิกข์พร้อมใจถวายอาลัยและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตนและพี่น้องชาวไทยซิกข์นับหมื่นคนเฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์ท่านเสด็จในโอกาสโอกาสเฉลิมฉลองศาสนาซิกข์ 500 ปี ณ โรงละครแห่งชาติ สร้างความปลาบปลื้มให้กับชาวไทยซิกข์ ทรงดูแลชาวซิกข์ตลอดมา สมาคมตรีคุรุสิงห์สภาเป็นศูนย์กลางศาสนาซิกข์ในประเทศไทยจะสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ในด้านช่วยเหลือประชาชนและการสาธารณสุขต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อไป
นายกิตติพันธ์ ใจดี ที่ปรึกษาสมาคมนามธารีสังคัตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังสวรรคตชาวไทยซิกข์ร่วมจัดพิธีน้อมรำลึกพระราชกรณียกิจนานัปการที่ทรงทำเพื่อคุณณูปการของชาวไทย โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา ทั้งที่ศาสนสถานและองค์กรต่างๆ รวมถึงศาสนิกชนของเราร่วมบริจาคโลหิตและบริจาคทรัพย์แก่สภากาชาดไทย เพราะสมเด็จพระพันปีหลวงทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนากิจการสภากาชาดไทยเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ ชาวไทยซิกข์ได้มาอาศัยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ได้รับโอกาสที่ดีในการพัฒนาชีวิต ความเสมอภาค สิทธิเสรีภาพ ต่างน้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ พร้อมใจกันมาแสดงความจงรักภักดีและถวายความอาลัยร่วมกับ 4 ศาสนา ซึ่งกรมศาสนานำคณะ 5 ศาสนามาถวายอาลัยอย่างพร้อมเพรียง
คนพิการร่วมน้อมารำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
นายวรกร ไหลหรั่ง ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านคนพิการ ทุพพลภาพ และผู้ด้อยโอกาส (สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์) และ ดร.ณรงค์ ไปวันเสาร์ อุปนายกสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย กล่าวพร้อมกันว่า วันนี้ เป็นโอกาสที่คนพิการได้มาถวายอาลัยต่อสมเด็จพระพันปีหลวง พระองค์ทรงรักคนพิการ ทรงดูช่วยเหลือคนพิการตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ คนด้อยโอกาส คนชรา ผู้ยากไร้
“สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงช่วยเหลือคนพิการในทุกด้าน ทั้งเรื่องงาน อาชีพ กลุ่มศิลปาชีพ การทอผ้า การแนะนำการใช้ชีวิตต่างๆ ให้การดูแลรักษา เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิ์ต่างๆ พระองค์พระราชทานเบ็ดตกปลา เพื่อให้สามารถตกปลาหากินได้ ทรงทำให้คนพิการมีรายได้ทั้งครอบครัว นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ซึ่งคนพิการไม่ได้หวังรับเพียงอย่างเดียว เราพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนชีวิตให้เป็นไปตามขบวนการที่จะเป็นไปได้ ตามที่พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทำเพื่อประชาชนจริงๆ พระองค์ทรงสละแรงกายแรงใจในการทำเพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกประเภท ไม่ใช่แค่คนพิการเท่านั้น ทรงช่วยเหลือทุกอย่าง ทุกคนโดยไม่เคยละเว้นเลย”
ดร.ณรงค์-นายวรกร กล่าวอีกว่า ในฐานะผู้นำคนพิการ จะน้อมนำความรู้และอาชีพที่พระองค์พระราชทานไว้ ถ่ายทอดให้กับคนพิการรุ่นต่อๆไป เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือกันเป็นทอดๆ และดูแลกันต่อๆไป
น.ส.ประภาวัลย์ เมฆประสาท คนพิการด้านการเคลื่อนไหว กล่าวว่า ตนเข้าร่วมคณะคนพิการที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำกลุ่มคนพิการมาร่วมถวายอาลัยและถวายสักการะพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ก่อนหน้านี้ ตนได้มาถวายสักการะพระบรมศพหน้าพระฉายาลักษณ์ที่ศาลาสหทัยสมาคม ด้วยตนเองคนเดียว ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อจะได้แนะนำคนพิการที่อยากมากราบ ตนเคยถวายฎีกาเพื่อรอรับพระราชทานความช่วยเหลือต่อในหลวง ร. 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง จากนั้น ได้รับจดหมายตอบกลับจากสำนักพระราชวังและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานให้ความช่วยเหลือ เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตผ่านพ้นความทุกข์ยากลำบาก มีอาชีพดูแลตัวเอง และมีส่วนร่วมช่วยเหลือคนพิการเพื่อตอบแทนคุณพระองค์ท่าน นอกจากนี้ ตนกับเพื่อนผู้พิการอีก 3 คน ประดิษฐ์เข็มกลัดโบว์สีดำถักจากไหมพรมจำนวนกว่า 1,500 ชิ้น เตรียมนำมาแจกจ่ายให้ประชาชนที่เดินทางมากราบพระบรมศพภายในสัปดาห์หน้า รวมถึงจะหาเวลามากราบพระบรมศพพระองค์ท่านอยู่เสมอด้วย

นางสาววณิชา สงวนศักดิ์ อายุ 63 ปี ชาวบางซื่อ กทม. กล่าวว่า ตนเดินทางมากราบทุกวันตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.ที่เปิดให้เข้ากราบวันแรก จนถึงวันนี้ ตนได้เข้ากราบแล้วกว่า 30 รอบ ตนอยู่ในกลุ่ม “รวมพลคนรักสถาบัน” ตั้งใจจะเดินทางมาทุกวัน จะมาเข้ากราบให้ได้ 999 ครั้งจนถึงวันถวายพระเพลิง มีความซาบซึ้งเพราะตั้งแต่เด็กก็เห็นพระองค์ท่านเดินเคียงคู่กับในหลวง ร.9 เสด็จไปทุกที่ไปเยี่ยมราษฎรในถิ่นธุรกันดารเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีอาชีพในการดำรงค์ชีวิตการกินดีอยู่ที่ดีขึ้น
“ถึงแม้ตนจะไม่เคยได้รับพระมหากรุณาโดยตรงแต่ก็รักพระองค์ท่านที่ทรงเสียสระเพื่อดูแลประชนมาโดยตลอด พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ดูแลประชาชนดีมากๆ สิ่งที่เราทำให้พระองค์ท่านต่อไป คือ มาน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 และสมเด็จพระพันปีหลวง พวกเราเดินตามคำสอนของพระองค์ท่านมาโดยตลอดในการทำความดีมีความซื่อสัตย์ รู้หน้าที่ วันนี้พระองค์ท่านไม่อยู่แล้ว พวกเราก็จะมาแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีต่อในหลวง ร.9 สมเด็จพระพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์พระทุกพระองค์ อย่างนี้ตลอดไป“.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี