วันเสาร์ ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557, 17.48 น.
1 มี.ค. 57 เมื่อเวลา 16.00 น. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 5 รพมหาราชนครราชสีมา นางปวีณา หงสกุล รักษาการ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยปลัดกระทรวง และผู้บริหารกระทรวงฯ กรมพัฒนาสังคมฯ โดยนมีนายวินัย-นางราตรี บัวประดิษฐ์ ผวจ.นครราชสีมา และนายกเหล่ากาชาดจังหวัดฯร่วมเดินทางไปเยี่ยมอาการเด็กนักเรียนที่ประสบอุบัติเหตุรถบัสชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อบนถนน 304 นครราชสีมา-กบินทร์บุรี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บหลายสิบราย โดยจำนวนนักเรียนผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เดิมเมื่อวานนี้(28 ก.พ.57) จำนวน 6 ราย
ล่าสุดเช้าวันนี้เพิ่มมาเป็น 10 ราย และช่วงบ่ายมาเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็นจำนวน 11 ราย โดยในจำนวนนี้มีอยู่ 5 รายที่มีอาการสาหัสต้องรักษาตัวอยู่ในห้อง ไออียู. ซึ่งเป็นห้องปลอดเชื้อ โดยเบื้องต้นทางกระทรวงฯได้ช่วยเหลือลักษณะสงเคราะห์ให้รายละ 8,000 บาท จำนวน 11 คน พร้อมมอบกระเช้าอาหารเสริมทุกคน โดยมีบรรดาผู้ปกครอง และญาติๆของผู้ได้รับบาดเจ็บนั่งรออยู่หน้าห้องจำนวนเกือบ 100 คน โดยเฉพาะผู้ปกครองที่อยู่ในห้องไอซียู.ร้องขอความช่วยเหลือถึงกับร้องไห้โผกอดซบไหล่นางปวีณาฯ
นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผอ.ศูนย์ศัลยกรรม กล่าวว่า คณะแพทย์ได้ทำการรักษาเด็กนักเรียนที่มีอากาสาหัส รวม 5 คน โดยทั้ง 5 คนยังต้องใส่เครื่องช่วยหายตลอดเวลา จำนวนนี้มีอยู่ 1 รายส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดที่เพิ่งทำการผ่าตัดแล้วเสร็จ ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายเป็นที่น่าพอใจและน่าจะไม่มีปัญหา แต่อาการยังถือว่ายังหนักอยู่ ทั้ง 5 คนบางคนเริ่มดีขึ้น แต่บางคนอาการยังทรงตัว ซึ่งต้องใช้เวลาในการรักษา เพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และพยายามต้องดูแลเด็กทั้ง 5 คนนี้อย่างใกล้ชิดที่สุด ซึ่งอยู่ในห้อง ไอซียู.มีเครื่องมือแพทย์ใกล้ชิดอยู่แล้ว ส่วนการจะเคลื่อนย้ายไปรักษาที่ รพ.ศิริราช หรือ รพ.ดังๆในกรุงเทพฯนั้น คณะแพทย์คิดว่าคงไม่ต้อง เพราะ รพ.มหาราชนครราชสีมาศักยภาพรักษาได้ ส่วนอีก 6 รายที่อวยู่ห้องศัลยกรรมอุบัติเหตุหญิง และชาย อาการปลอดภัย พูดคุยได้ แต่ทุกคนมีอาการอ่อนเพลียต้องให้พักผ่อนมากๆ รอดูอาการและอีกไม่กี่วันน่าจะกลีบบ้านได้ นพ.สมอาจฯกล่าว.
นางปวีณา หงสกุล รมว.พัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า การมาเยี่ยมเด็ดที่ได้รับบาดเจ็บโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยจึงให้ตนเดินทางมาเยี่ยมเด็กนักเรียนที่ประสบอุบัติเหตุจำนวนมาก โดยที่ รพ.มหาราชฯแห่งนี้มีจำนวน 11 รายจากการรายงานของคณะแพทย์มีอาการดีขึ้นเป็นลำดับ แต่สำหรับเด็กที่มีอาการโคม่ามากๆจำนวน 5 คนต้องฝากทางแพทย์ให้ช่วยกันดูแลรักษาให้หาย และทุกฝ่ายจะต้องเข้ามาเยียวยา เราเชื่อมั่นในทีมแพทย์ ส่วนผู้เสียชีวิตเราจะเดินไปทางร่วมพิธีงานศพที่ อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา ในนามรัฐบาลขอแสดงความเสียใจและเราจะให้หน่วยงานทุกหน่วยงานทุกกระทรวงเข้ามาเยี่ยวยาดูแลให้มากที่สุด เราคงขอฝาก ผวจ.นครราชสีมาให้ดูแลผู้บาดเจ็บใกล้ชิด นอกจากนี้กระทรวงพัฒนาสังคมฯจะเข้าไปเยียวยาดูแลเขาถึงบ้าน และพูดคุนสภาพจิตกับผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่หรือตัวเด็กเอง เพราะเด็กเองบางคนยังไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองถูกอะไรโดนอะไรคงจะมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่
นางปวีณาฯ กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และครอบครัวผู้เสียชีวิต เราคงจะต้องให้ทุกกระทรวงต้องเข้ามาร่วมกันในการช่วยเหลือเยียวยา เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯเข้าไปช่วยเหลือในครอบครัว ไปเยี่ยมบ้าน ฟื้นฟสภาพจิตใจ และประสานกดับหน่วยงานต่างๆ เพื่อที่จะให้มีเงินช่วยเหลือ นอกจากนี้กระทรวงยุติธรรมก็มีเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตประมาณ 100,000 บาท เกิดอุบัติเหตุคงจะลดหลั่นลงไป สำหรับ ผวจ.นครราชสีมามีเงินประกัน และด้านการศึกษาสำหรับผู้เสียชีวิตประมาณ 600,000 บาท ไม่นับกระทรวงยุติธรรม ตรงรี้เป็นสิ่งที่จะได้เงินช่วยเหลือ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราคงไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องเงินมากเท่าชีวิตของคน เราต้องกดารเด็กของเราเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ฉะนั้นคงจะต้องเป็นมาตรการ ไมว่าเรื่องของโรงเรียนก็ดี การเดินทาง การคมนาคม ต้องมีความปลอดภัยมากกว่านี้ อย่างการเดินทางตนได้ทราบว่าออกมาดรงเรียน 1 นาฬิกา ไม่ค่อยเหมาะสมนัก เพราะเป็น ตี 1 ตี 2 เวลาวิกาล มีความมืด และถนนบริเวณนั้นมีความสูงชัน และเกิดอุบัติเหตุรถตกเหวบ่อยครั้ง ฉะนั้นเป็นเรื่องที่จะต้องมีการวางมาตรการทั้งหลายไว้ ซึ่งตนคงจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีวันอังคารนี้ และจะเดินทางกดลับไปรายงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงสภาพที่ได้มาเห็น นางปวีณาฯ กล่าว.
จากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินทางต่อไปยัง อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา เพื่อไปร่วมงาทนศพนักเรียนที่เสียชีวิต โดยเฉพาะที่วัด มีจำพนวน 10 ศพ
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 มี.ค. 57 นายโรจนะ กฤษเจริญ รองเลขาธิการ กพฐ. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เดินทางไปยังวัดใหม่สามัคคีธรรม ต.ช่องแมง อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา เพื่อเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ 10 ศพนักเรียนโรงเรียนบ้านดงหลบที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปทัศนศึกษาเมื่อเช้าวานนี้(28 ก.พ. 57) โดยนายโรจนะฯได้นำเงินของกองทุนจาก สพฐ.มามอบให้กับครอบครัวเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตรายละ 5,000 บาท และนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บรายละ 3,000 บาท เพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น
สำหรับประกันชีวิตที่ทางโรงเรียนทำให้ระหว่างการเดินทางผู้เสียชีวิตจะได้รับรายละ 80,000 บาท และโครงการทัศนศึกษานั้นเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาผู้เรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ต่อไปคงจะมีมาตรการในการจัดหารถที่ได้มาตรฐานทั้งตัวรถและผู้ขับขี่ให้เป็นอย่างดีเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
ด้านผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่เสียชีวิต 4 คน ได้กล่าวความรู้สึก คนที่ 1. นางภัสรา ผลพรต อายุ 38 ปี แม่ของ ด.ญ. คติยา ผลพรต(น้องแนน) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3 เล่าว่าตนมีลูกคนเดียวคือน้องแนน เป็นเด็กขยันช่วยงานพ่อแม่เป็นอย่างดี วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะไปช่วยแม่ทำงานรับจ้างเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว พ่อและแม่ทำงานหนักก็เพื่อจะส่งลูกให้เรียนสูงๆไม่ต้องลำบากเหมือนพ่อแม่ ต่อไปไม่มีลูกอยู่ด้วยแล้วพ่อกับแม่จะทำเพื่อใคร เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าย้อนกลับไปได้จะไม่ให้ลูกไปเลย อยากให้เหตุการณ์นี้เป็นครั้งสุดท้ายไม่อยากให้เกิดกับครอบครัวใครอีก
2. นางลูกชิ้น มะวัน อายุ 44 ปี แม่ของ ด.ญ. ฐิติมา มะวัน (น้องเดือน)อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 เล่าว่า ตนมีลูก 2 คนเป็นฝาแฝดคือน้องดาวกับน้องเดือน โดยน้องเดือนเป็นแฝดผู้น้องเสียชีวิต ส่วนน้องดาวได้รับบาดเจ็บ เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังทำใจไม่ได้ ขณะนี้พ่อของน้องก็ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ลำทะเมนชัย
3. นางคำพัน นามมะเริง อายุ 52 ปี แม่ของ ด.ญ.อมรรัตน์ นามมะเริง(น้องจีน่า) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.5 เล่าว่า ตนมีลูก 3 คน น้องจีน่าเป็นลูกสาวคนเล็ก เป็นเด็กขยันเรียนหนังสือเก่งน้องเคยบอกไว้ว่าโตขึ้นอยากจะเป็นครู เสียใจและสงสารลูกมาก
4.นางศรีจันทร์ ประทุมมาศ อายุ 64 ปี ยายของ ด.ญ.มาฆะสินี เดือนนอก อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม .2 เล่าว่าขณะนี้แม่ของน้องเป็นลมหมดสตินอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ลำทะเมนชัย ยังไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานศพของลูกได้ตนเป็นยายจึงมาดูแลแทน ยายบอกว่าหลานคนนี้เป็นเด็กดีรักครอบครัว สงสารหลานเป็นอย่างมากและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น