พัทลุงท่วมอ่วม  ปิด10โรงเรียน  ‘สงขลา’ไม่รอด  7อำเภอยังหนัก

พัทลุงท่วมอ่วม ปิด10โรงเรียน ‘สงขลา’ไม่รอด 7อำเภอยังหนัก

วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

น้ำท่วมภาคใต้ยังหนัก พัทลุงหลากท่วมเมือง-ถนนจมน้ำ ส่วนนครศรีธรรมราช ผู้ว่าฯสั่งติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด รร.สั่งปิดเรียน 2 วัน ขณะที่ จ.สงขลา น้ำท่วมหนัก 7 อำเภอ ชาวบ้านได้รับผล กระทบ

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พัทลุง หลังจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่คืนวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำสะสมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ว่าได้ส่งผลให้ถนนสายหลักสายรองในเขตเทศบาลเมืองพัทลุงหลายเส้นทาง ถูกน้ำหลากท่วมขัง ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 40–50 เซนติเมตร รถยนต์ขนาดเล็กสัญจรลำบาก บางช่วงต้องปิดเส้นทางชั่วคราวเนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน


โรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองพัทลุงและในอำเภอรอบนอกกว่า 10 แห่ง ประกาศปิดการเรียนการสอนจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่หลายพื้นที่ยังมีฝนตกต่อเนื่อง ปริมาณน้ำฝนบางอำเภอวัดได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร ส่งผลให้ดินบนพื้นที่สูงอุ้มน้ำจนเต็มความจุ เสี่ยงต่อการเกิดดินโคลนถล่ม

อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กู้ภัยพัทลุงร่วมกับกำลังทหารค่ายอภัยบริรักษ์ เข้าช่วยเหลือตา–ยายวัย 84 ปี ภายในบ้านเลขที่ 93 ชุมชนบ้านนางลาดเหนือ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง หลังจากน้ำหลากจากฝนตกหนัก เข้าท่วมบ้านทำให้ทั้งสอง ที่ป่วยติดเตียงไม่สามารถอพยพออกมาได้ ซึ่งกู้ภัย ได้ใช้เปลสนามลำเลียงคุณตาสุวิทย์ ส่วนคุณยายพิมพ์พร เจ้าหน้าที่ได้อุ้มออกจากบ้านท่ามกลางกระแสน้ำ ก่อนจะไปพักที่บ้านญาติ ขณะที่ทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียหายแทบทั้งหมด

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดพัทลุง ได้ออกประกาศเตือน 5 อำเภอริมเทือกเขาบรรทัด ได้แก่ อ.กงหรา อ.ป่าบอน อ.ตะโหมด อ.ศรีนครินทร์ และ อ.ป่าพะยอม ให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้อีก 6 อำเภอในตอนกลางและตอนล่างของจังหวัด ได้รับการแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อยู่อาศัยใกล้แม่น้ำและลำคลองเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากอาจเกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนช่วงที่ยังมีฝนตกต่อเนื่องได้

ที่ จ.นครศรีธรรมราช วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผวจ.นครศรีธรรมราชสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม และเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ภายหลังมีฝนตกหนักตลอดคืนที่ผ่านมา และตกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แล้ว ส่งผลให้ระดับน้ำตามคลองสายต่างๆ เริ่มล้นตลิ่งและท่วมบ้านเรือนริมน้ำ รวมถึงพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยพื้นที่ อ.สิชล มีน้ำป่าไหลหลาก ท่วมถนนสาย 401 นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี แต่รถยนต์ยังสามารถสัญจรผ่านไปได้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.นครศรีธรรมราช หลังจากฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ในหลายอำเภอ ถูกน้ำท่วมแล้ว โดยต้นน้ำที่น้ำตกพรหมโลก อ.พรหมคีรี น้ำเพิ่มสูงและไหลเชี่ยว ก่อนเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ด้านล่าง ผู้ประกอบการต้องเร่งขนย้ายสิ่งของหนีน้ำ ส่วนหมู่บ้านต่างๆ ระดับน้ำท่วมสูงข้ามถนนในหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านต้องรีบขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงส่วนที่ ต.ตลิ่งชัน อ.ท่าศาลา หน่วยกู้ภัยได้นำเรือท้องแบนเข้าช่วยอพยพชาวบ้านเป็นการด่วน ภายหลังน้ำท่วมสูง โดยพาไปพักในพื้นที่ปลอดภัย

ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบใน จ.นครศรีธรรมราช รวม 7 อำเภอ ประกอบด้วย อ.พรหมคีรี อ.ลานสกา อ.สิชล อ.ร่อนพิบูลย์อ.ชะอวด อ.ท่าศาลา และ อ.เมือง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งให้การช่วยเหลือชาวบ้าน พร้อมแจ้งเตือนผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยง ให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม หากต้องการความช่วยเหลือขอให้แจ้งไปยังศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแต่ละพื้นที่ สำหรับการระบายน้ำ ขณะนี้เทศบาลนครฯ ร่วมกับกรมชลประทาน ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เร่งระบายน้ำออกทะเล แล้ว

ด้าน ดร.กณพ เกตุชาติ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชออกแจ้งเตือนให้ประชาชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูงและเตรียมพร้อมอพยพ เนื่องจากจะมีมวลน้ำก้อนใหญ่จากบริเวณตอนบนของจังหวัดไหลบ่าเข้าสู่พื้นที่

ส่วนสถานการณ์ภาพรวม จ.นครศรีธรรมราช มีโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราชและโรงเรียนซึ่งอยู่ในเขต อ.เมือง ได้ปิดการเรียนการสอน เป็นระยะเวลา 2 วัน จนถึงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น จึงเป็นห่วงความปลอดภัยของครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา และฝนก็ยังคงตกหนักในเกือบทุกพื้นที่ด้วย

ที่ จ.สงขลา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลา แจ้งว่าหลังจากฝนตก 2-3 วัน ส่งผลให้น้ำจากพื้นที่ จ.พัทลุง ไหลลงทะเลสาบ ระดับน้ำใน7 อำเภอ ได้แก่ อ.สิงหนครอ.สทิงพระ อ.กระแสสินธุ์อ.ระโนด อ.ควนเนียง อ.หาดใหญ่ และอ.รัตภูมิ เพิ่มสูงขึ้น ประชาชนต้องยกทรัพย์สินมีค่าขึ้นที่สูง รวมทั้งระมัดระวังเรื่องกระแสไฟฟ้า ดูแลกลุ่มเปราะบาง เนื่องจากยังฝนยังคงตกต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าระวังดินโคลนถล่มตามพื้นที่ลาดเชิงเขา ริมคลอง และพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ มีระดับน้ำท่วมผิวจราจรหลายจุด โดยนายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศบาลนครหาดใหญ่กล่าวว่า เทศบาลฯ ได้เตรียมพร้อมทั้งมาตรการการป้องกันและการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว มั่นใจว่าเทศบาลฯ เอาอยู่

ส่วนที่ จ.สตูล สถานการณ์น้ำท่วมยังรุนแรง โดยเฉพาะ อ.ควนโดน ที่ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำจำนวนมาก หลากเข้าท่วมหมู่บ้าน ระดับน้ำสูงตั้งแต่เอวจนถึงหน้าอก ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายข้าวของ

พ.ต.ท.คำนึง อุ่นปลอด ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 436 มอบหมายให้ ร.ต.ต.บัญญัติ สันนาหู หัวหน้าชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย นำกำลังลงพื้นที่ หมู่ 1 ต.ควนโดน เข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือท้องแบนลุยน้ำเข้าพื้นที่เพื่อปฏิบัติภารกิจทั้งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงจากบ้านพักไปยังพื้นที่ปลอดภัย การส่งมอบยารักษาโรค และช่วยขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้า

ขณะที่ อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำเริ่มน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะพื้นที่หมู่ 11ต.ฉลุง น้ำได้หลากเข้าท่วมโรงเรียนบ้านโคกประดู่ ซึ่งมีนักเรียนกว่า 200 คน เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

นางอรุณี ประมาณ ผอ.โรงเรียนบ้านโคกประดู่ เปิดเผยว่า โรงเรียนแห่งนี้ประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี และปีนี้น้ำมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ หลังจากได้รับการแจ้งเตือนทางโรงเรียนจึงประสานงานกับผู้ใหญ่บ้านและชมรมผู้ปกครอง พร้อมจัดการให้เด็กนักเรียนทยอยเดินทางกลับบ้านก่อนเวลา เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากบ้านของเด็กหลายรายถูกน้ำท่วมแล้ว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top