วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เพจดังโพสต์เปิดหลักฐาน หัวรถจักรไอน้ำ C5623 ที่จอดผุพังแถวสะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นหัวรถจักรที่ทหารผ่านศึกญี่ปุ่นรวบรวมเงินเพื่อซื้อจากการรถไฟแห่งประเทศไทยและมอบให้ทางจังหวัดกาญจนบุรีไปแล้ว
วันนี้ 22 พฤศจิกายน 2568 เพจเฟซบุ๊ก Thai Burma railway ทางรถไฟสายมรณะ ได้โพสต์เฟสบุ๊กระบุว่า หัวรถจักร C5623 อนุสรณ์แห่งความล้มเหลวในการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี หัวรถจักรไอน้ำ C5623 ที่จอดผุพังแถวสะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นหัวรถจักรที่ทหารผ่านศึกญี่ปุ่นรวบรวมเงินเพื่อซื้อจากการรถไฟแห่งประเทศไทยและมอบให้ทางจังหวัดกาญจนบุรีไปแล้ว
ขอกลับจากแนวรบตะวันออกของเขมรก่อนนะครับ เพราะหลังจากเพจได้นำเสนอรูปสภาพอันน่าเวทนาของหัวรถจักรไอน้ำและรถบรรทุกของทหารญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเจ้าหน้าที่ อบจ.บางท่านออกมาพูดในลักษณะที่ว่าหัวรถจักรไอน้ำนี้เป็นของการรถไฟ ทาง อบจ.จะเข้าไปทำก็ทำไม่ได้ เพราะทาง การรถไฟไม่ให้เข้าไปทำ
ผมอะมีข้อมูลชัดเจนว่าหัวรถจักร C5623 ไม่ใช่ของการรถไฟแล้วครับ เพียงแต่ใช้ที่ของการรถไฟวางแสดงเท่านั้น เรื่องนี้ผมเคยเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อน ขอหยิบยกนำมาโพสต์ใหม่ให้ทุกท่านได้ทราบ ต้องกล่าวถึงความสำคัญของหัวรถจักรไอน้ำแบบ C56 ก่อนครับ และประวัติคร่าวๆจะได้เข้าใจ
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น ทหารญี่ปุ่นได้ส่งหัวรถจักร C56 จำนวน 90 คัน (หมายเลข C561-C5690) มายังประเทศไทยและพม่า เพื่อใช้งานทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้ในการขนส่งยุทธปัจจัยบนเส้นทางรถไฟสายมรณะ ในช่วงสงคราม หัวรถจักรบางส่วนเสียหายจากการโจมตีทางอากาศ หรือการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินรถ เมื่อสิ้นสุดสงครามมีหัวรถจักร C56 เหลือรอดจำนวน 46 คัน จาก 90 คัน อังกฤษถือสิทธิ์ผู้ชนะสงครามและเข้ายึดทรัพย์สินของกองทัพญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งในนั้นคือทางรถไฟสายไทย-พม่า
.jpg)
ที่อังกฤษต้องยึดเพราะอุปกรณ์ล้อเลื่อนและรางรถไฟโครงสร้างสะพาน เพราะของเหล่านี้ส่วนหนึ่งทหารญี่ปุ่นได้รื้อจากมลายู อินโดนิเซีย พม่า (อุปกรณ์ล้อเลื่อนหัวรถจักรต่างๆ หรือรางรถไฟอีกส่วนหนึ่ง ญี่ปุ่นขนมาเอง) มาใช้ก่อสร้างและใช้งานในประเทศไทย
ในระหว่างที่อังกฤษเข้ายึดครองทางรถไฟสายนี้ อังกฤษได้มีการรวบรวมทรัพย์สิน(ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย)ที่เป็นของอาณานิคมตนเอง ก็ส่งกลับไปก่อน เช่น หัวรถจักร ตู้รถไฟประเภทต่างๆ ในขณะเดียวกันตัวทางรถไฟอังกฤษก็ยังยึดครองไว้อยู่ รัฐบาลไทยในขณะนั้นมีความกังวลในสิทธิของอังกฤษ เหนือทางรถไฟและดินแดนที่ทางรถไฟพาดผ่าน ตั้งแต่ราชบุรีไปกาญจนบุรี อาจจะนำไปสู่ปัญหาความมั่นคงของชาติไทยในอนาคตได้
รัฐบาลไทยตัดสินใจเจรจาขอซื้อทางรถไฟสายมรณะส่วนที่อยู่ในพื้นที่ประเทศไทย เป็นระยะทางประมาณเกือบ 300 กิโลเมตร จากรัฐบาลอังกฤษ เจรจาต่อรองในการขอซื้อทางรถไฟกลับมาเป็นของไทยด้วยเงิน 50 ล้านบาท และการซื้อไม่ได้ซื้อเฉพาะทางรถไฟ รางรถไฟ โครงสร้างสะพาน แต่ยังรวมไปถึง อาคารสถานี รถยนต์ของทหารญี่ปุ่น อุปกรณ์ล้อเลื่อน หัวรถจักร รถตรวจการณ์ ตู้ขบวนรถไฟแบบต่างๆ (รวมถึงของต่างๆที่อังกฤษไม่ได้ขนกลับไป)
รัฐบาลอังกฤษตอนนั้นถังแตกอยู่ ก็เห็นดีว่าอย่างน้อยก็จะได้นำเอาเงินที่ได้ส่วนหนึ่งไปเยียวยาและมอบคืนให้กับมลายูอาณานิคมตนเอง หรือให้กับอินโดนิเซีย(หรือดัตท์อินเดียตะวันออก) เพื่อเป็นเงินชดเชยจากการที่ญี่ปุ่นไปรื้อรางรถไฟมาใช้ก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะ อันนี้ปูพื้นเพื่อความเข้าใจที่ไปที่มาครับ
เพจ Thai Burma railway ทางรถไฟสายมรณะ ระบุว่า กลับมาที่หัวรถจักร C56 หัวรถจักรไอน้ำ C56 จำนวนหนึ่งจึงตกเป็นทรัพย์สินของกรมรถไฟ หรือในภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นการรถไฟแห่งประเทศไทย และหัวรถจักรไอน้ำ C56 ก็ถูกใช้งานเกี่ยวกับกิจการการรถไฟไทยตลอดมา จนยุคสมัยเปลี่ยนไป หัวรถจักรไอน้ำถูกแทนที่ด้วยหัวรถจักรดีเซล หัวรถจักรไอน้ำจึงถูกปลดระวางการใช้งาน โดยส่วนใหญ่ถูกส่งไปจอดไว้ที่สถานีทุ่งสง และสถานีอื่นๆ
.jpg)
ทหารผ่านศึกญี่ปุ่นเองก็ได้ทราบเรื่องการเลิกใช้งานหัวรถจักรไอน้ำในประเทศไทย และมีความประสงค์ที่จะเก็บรักษา อนุรักษ์หัวรถจักรแบบ C56 ไว้ โดยมีการรวมกลุ่มของอดีตทหารรถไฟขึ้นในชื่อ สมาคมผู้อนุรักษ์หัวรถจักรไอน้ำ C56 (ทหารรถไฟที่มาสร้างทางรถไฟสายมรณะ คือ กรมทหารรถไฟที่ 5 และที่ 9 )
จุดมุ่งหมายของสมาคมนี้คือการอนุรักษ์และดูแลหัวรถจักร C56 ที่ถูกนำมาใช้บนเส้นทางรถไฟสายมรณะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะทหารรถไฟญี่ปุ่นมองว่า หัวรถจักรไอน้ำไม่ใช่เครื่องจักรแต่เป็นสหายร่วมรบที่พวกเขาไม่สามารถพากลับไปที่ญี่ปุ่นได้ ในปี 1946 มีการส่งเชลยศึกญี่ปุ่นกลับประเทศญี่ปุ่น ทหารรถไฟจึงต้องทิ้งหัวรถจักรหรือสหายร่วมรบไว้ในดินแดนไทย ความเสียใจและความคับข้องใจที่ไม่สามารถเอาหัวรถจักรกลับได้ นำไปสู่การตั้งสมาคมขึ้น
อ้างอิง ข้อมูลจากหนังสือ Distant whistle ซึ่งเขียนและรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับสมาคมผู้อนุรักษ์หัวรถจักรไอน้ำ C56 และ นิตยสารรถไฟ The railway pictorial ของเดือนกรกฎาคม ปี 1977 หรือ พ.ศ. 2520 ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับ การอนุรักษ์และจัดแสดงหัวรถจักร C5623 ที่บริเวณสวนสาธารณะสะพานข้ามแม่น้ำแคว โดยสมาคมผู้อนุรักษ์หัวรถจักรไอน้ำ C56 มีการรวบรวมเงินบริจาค และขอซื้อหัวรถจักร C5623 จากการรถไฟแห่งประเทศไทย
เพื่อทำการอนุรักษ์(ซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเดิม) และนำมามอบให้ทางเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1977 หรือ พ.ศ.2520 เวลา 13.30 น. ตามภาพเราจะเห็นได้ว่า หัวรถจักร C5623 ถูกทำการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพสวยงาม มีการทำสีดำแบบดั้งเดิมที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีการขัดสีให้เงาดูดีมาก หัวรถจักรถูกประดับด้วยดอกไม้ มีป้ายกระดาษที่เขียนข้อความว่า Best Wishes for World peace and Thai-Japan friendship. และมีโบว์และริบบิ้นส์สีขาวแดงติดรอบคัน
ภายในงาน นอกจากสมาชิกของสมาคมแล้ว ยังมีการเชิญแขกผู้มีเกียรติจากทั้งฝ่ายไทยและญี่ปุ่นเข้าร่วมด้วย อาทิเช่น นายกเทศมนตรี กาญจนบุรี รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย คณะผู้แทนทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โดยแขกที่มากร่วมงานในวันนั้นมีประมาณ 80 คน โดยในภาพจะมีการจับมือระหว่างคุณ นิทัศน์ ถนอมทรัพย์ นายกเทศมนตรี ของเทศบาลเมืองกาญจนบุรี จับมือกับ Shimizu Ryōjin ตัวแทนสมาคมผู้อนุรักษ์หัวรถจักรไอน้ำ C56
.jpg)
ในหนังสือยังกล่าวอีกว่า การที่ได้หัวรถจักร C5623 มาตั้งในบริเวณนี้นั้น เป็นสิ่งที่ คุณ นิทัศน์ ถนอมทรัพย์ นายกเทศมนตรี ของเทศบาลเมืองกาญจนบุรี มีความปารถนามาโดยตลอด เพื่อหวังว่าจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี มีการกล่าวในพิธีอนุรักษ์และจัดแสดงหัวรถจักรนี้จากผู้มีเกียรติทุกฝ่ายที่มาร่วมงานแล้ว หลังจากนั้นก็มีการจุดพลุ เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองเปิดงาน ตัวแทนฝ่ายญี่ปุ่นตัดริบบิ้นที่ติดอยู่กับหัวรถจักร C5623 หลังจากนั้นตัวแทนฝ่ายญี่ปุ่นมีการมอบของที่ระลึกให้แก่ตัวแทนฝ่ายไทย
ในอีก 1 ปีหลังจากนั้น อดีตทหารรถไฟญี่ปุ่นได้กลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง และมีการร่วมกันทำกิจกรรมทำความสะอาดหัวรถจักร C5623 การขอซื้อหัวรถจักร C5623 ในปี 1977 เป็นจุดเริ่มต้นของการขอซื้อหัวรถจักร C5631(หมายเลข รฟท.725 คันนี้ใช้ในพิธีเปิดเส้นทางรถไฟสายมรณะ) และ C5644 (หมายเลข 735 คันนี้เป็นคันแรกที่ถูกขนส่งจากญี่ปุ่นทางเรือและถูกประกอบที่โรงงานมักกะสันได้สำเร็จเป็นคันแรก) ซึ่งหัวรถจักรทั้งสองคันมีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ของทางรถไฟสายมรณะเป็นอย่างมาก
ทางสมาคมก็รวบรวมเงินและทำเรื่องขอซื้อหัวรถจักรไอน้ำ C5631 และ C5644 จากการรถไฟแห่งประเทศไทย กลับไปที่ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1979 หรือปี พ.ศ.2522 โดย หัวรถจักรไอน้ำ C5631 ถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ยูซูกัน ศาลเจ้ายาซูกูนิ ส่วนหัวรถจักรไอน้ำ C5644 มีการนำเอาไปบูรณะซ่อมแซมให้กลับมาวิ่งได้อีกครั้ง และทางการรถไฟญี่ปุ่นก็นำเอาไปวิ่งในเส้นทางรถไฟสายหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น(ผมจำชื่อไม่ได้ว่าสายไหนครับ)
รูปภาพและข้อมูลนี้ก็ชี้ให้เห็นว่า C5623 เป็นของจังหวัดกาญจนบุรี แต่ที่ไปจอดบริเวณสวนสาธารณะซึ่งเป็นที่ของการรถไฟนั้น เป็นความประสงค์ของสมาคม โดยให้นายชวลิต เศรษฐวรางกูร เป็นผู้แทนของสมาคมอนุรักษ์หัวรถจักร C56 ในการทำสัญญาในการเช่าที่ดินและจ่ายค่าไฟให้แก่การกรรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อใช้วางหัวรถจักร C5623 คันนี้ ซึ่งการรถไฟมีเอกสารตัวนี้อยู่แน่นอน
แต่ที่แน่ๆ ผมเข้าประชุมกับทางจังหวัด ผู้แทนของการรถไฟ กล่าวในที่ประชุมว่า ตัวหัวรถจักรC5623 ไม่มีเลขครุภัณฑ์แล้ว (หมายความว่าไม่ใช่ทรัพย์สินของการรถไฟ) ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลในหนังสือที่ว่า ทางสมาคมขอซื้อจากการรถไฟแล้วบริจาคให้ เทศบาลเมืองกาญจนบุรี เพราะเมื่อการรถไฟขายออก ก็ต้องตัดบัญชีออกจากทรัพย์สินครับ
.jpg)
สุดท้ายนี้บางคนอาจจะมีความเข้าใจผิดว่า ทรัพย์สินการรถไฟทำไมขายได้ อันนี้ผมไม่ทราบข้อกฎหมายที่แท้จริงนะครับ แต่นอกจาก C5623 , C5631 ,C5644 ก็ยังมี C5628และ C5639 ที่ขายให้ คุณฉลอง ภักดีวิจิตร (นำเอาไปสร้างภาพยนต์ โดยมีฉากการเอาหัวรถจักรทั้งสองคันวิ่งชนประสานงา) ซึ่งทั้งหมดมีการขอซื้ออย่างเปิดเผย ผมขอใช้คำว่าเปิดเผย เพราะหัวรถจักรที่ซื้อไปทั้งหมด ยังสามารถสืบค้น มีภาพ มีหลักฐานให้เห็นว่าหัวรถจักร C56 ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของการรถไฟอีกต่อไปแล้ว เช่น C5631, C5644 C5623 เป็นสมบัติของคนกาญจนบุรี ที่คนกาญจนบุรีทุกคน และทางจังหวัดต้องช่วยกันดูแลครับ
แล้วก็อย่าได้พูดว่าหัวรถจักรตั้งอยู่ในที่การรถไฟเข้าไปทำไม่ได้ อย่าพูดนะครับ เพราะทางจังหวัด อบจ. เทศบาล แค่ทำหนังสือไปหาการรถไฟว่าจะขอเข้าไปซ่อมแซม มีหรือการรถไฟจะขัด แต่ท่านไม่ทำกันเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรถไฟนะครับ เพราะมันมีเอกสารหลักฐานชัดเจนว่าหัวรถจักรนี้ไม่ใช่ของการรถไฟแล้ว และมีภาพเป็นหลักฐานว่าทหารผ่านศึกชาวญี่ปุ่นได้มอบให้จังหวัดไปละ
ผมไม่ทราบว่าใครคือเจ้าภาพที่แท้จริงเพราะเจ้าหน้าที่ที่กาญจนบุรีโยนลูกเก่งยังกับนักฟุตบอลทีมชาติ ถ้ายังไม่มีคำตอบจากทางจังหวัดในการหามาตรการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ ไม่เอาละนะครับเชิญประชุมแล้วเงียบ เสียเวลา ถ้าผมได้ไปที่กาญจนบุรีซึ่งน่าจะไวไวนี้ ผมจะไปไลฟ์สดประจานความไม่สนใจของพวกคนที่ดูแลหัวรถจักรเหล่านี้ ซึ่งผมบอกตรงๆมันคือเรื่องของจังหวัดที่ต้องดูแล เพราะจังหวัดได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว
สักแต่จัดงานสะพาน ชูเรื่องทางรถไฟสายมรณะในการท่องเที่ยว แต่ไม่ทำอะไร กินบุญเก่าไปวันๆ รอเวลามาสองปี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไปผมก็จะด่าแบบจัดหนักจัดเต็มละ ยังถือว่าทางจังหวัดกาญจนบุรียังโชคดีนะครับช่วงนี้ผมมาทำเรื่องไทยเขมรชั่วคราว ไม่มีเวลามาทำเรื่องทางรถไฟเต็มที่
.jpg)
ส่วนใครที่บอกว่าทำไมไม่ทำเอง หรือประกาศหาเงินบริจาค ลืมไปได้เลยครับ ผมไม่เปิดบริจาค ไม่อยากมีปัญหา และอีกอย่างต่อให้มีเงินแล้วเข้าไปทำ รับรองว่าหัวรถจักรจะมีเจ้าของขึ้นมาทันที แล้วคนที่เข้าไปทำถ้าเป็นคนธรรมดาก็ต้องซวยแน่นอน
ปล.หัวรถจักรสมัยสงครามโลกอีกคัน รวมถึงรถบรรทุกของทหารญี่ปุ่นแบบ Type100 ทางการรถไฟได้นำมาจัดแสดงเมื่อนานมาแล้ว และก็ไม่มีเลขทรัพย์สินการรถไฟแล้วเช่นกัน ซึ่งสองคันนี้ยังหาเจ้าภาพจริงๆไม่ได้ แต่ก็ต้องเร่งซ่อมเช่นกัน อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของทางจังหวัดและการรถไฟต้องไปคุยกันครับว่าใครจะดูแล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี