DSI เก็บหลักฐานเรือนจำ สอบเข้ม ประวัติเยี่ยมญาติ นักโทษจีนเทา เตรียมขยายผลถึง‘ทนาย ป.’

DSI เก็บหลักฐานเรือนจำ สอบเข้ม ประวัติเยี่ยมญาติ นักโทษจีนเทา เตรียมขยายผลถึง‘ทนาย ป.’

วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 14.29 น.

รองอธิบดีDSI ระบุเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตรวจเก็บพยานวัตถุในอาคารสำนักงานผบ.เรือนจำฯ ทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ระบุเก็บวัตถุพยานเพิ่มเติมนักโทษจีนที่ย้ายไปเรือนจำคลองเปรม 100 ชิ้น  แย้มขยายผลตรวจสอบ”ทนาย ป.“ บุคคลใกล้ชิด พบ”มานพ" เดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรบ่อยครั้ง ส่วนประเด็นการรับเงินอุปถัมภ์จีนเทา ต้องตรวจสอบเอกสารการรับบริจาคเงินพร้อมวัตถุประสงค์การใช้เงิน เผยจนท.ที่ถูกคำสั่งย้ายมีบางส่วนให้การซักทอดเป็นประโยชน์ 

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568  จากกรณีเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีความมั่นคง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมกันเข้าไปด้านในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะบริเวณอาคารสำนักงานผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อสอบสวนปากคำข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ รวบรวมเก็บพยานเอกสารและพยานวัตถุ ก่อนเตรียมรับผลรายงานจากการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้ประกอบภายในสำนวนการสืบสวนขบวนการทุจริตภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครนั้น 


ล่าสุด พ.ต.ท. อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI) ซึ่งเป็นชุดสืบสวนคลี่คลายคดี จากกองคดีความมั่นคง ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติ วิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อ เข้าไปสอบสวนปากคำข้อมูลเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ และตรวจเก็บรวบรวมพยานเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยตนได้รับรายงานข้อมูลเบื้องต้นว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจเก็บร่องรอยนิ้วมือตามจุดต่าง ๆ ภายในอาคารสำนักงานผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทั้งบริเวณชั้น1และ2 ของอาคาร โดยได้มีการบันทึกภาพและร่างแผนผังภายในสถานที่เกิดเหตุว่ามีการจัดวางสิ่งของอย่างไรบ้าง และมีแนวเชื่อมต่อของห้องเกิดเหตุกับตัวอาคาร ห้องทำงานของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้รู้จุดของการเคลื่อนไหวของบุคคล อีกทั้งยังมีการรวบรวมไฟล์จากกล้องวงจรปิด นอกจากนี้ ยังได้มีการสอบสวนปากคำนายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์/โฆษกกรมราชทัณฑ์ รักษาการแทนผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในประเด็นเกี่ยวกับการรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการปฏิบัติการตรวจค้นจู่โจมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าในวันที่เข้าตรวจค้นจู่โจมนั้น พบเห็นเหตุการณ์อย่างไร เห็นบุคคลใดมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างไรบ้าง เนื่องด้วยสถานที่เกิดเหตุ อยู่ภายในอาคารสำนักงานผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีส่วนเชื่อมกันทั้งชั้น1และ 2ของตัวอาคาร จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทราบข้อเท็จจริงว่าในวันเกิดเหตุมีผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็อยู่ในตัวอาคารด้วย รวมทั้งจะต้องตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรของนายมานพด้วย ว่ามีการเดินทางไปประเทศใดบ้างและจำนวนครั้งบ่อยครั้งอย่างไร มีการแจ้งเดินทางไปยังต่างประเทศหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างรอรับข้อมูลส่วนนี้ และรวมถึงการรอผลตรวจจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นผลตรวจดีเอ็นเอ คราบอสุจิ สารคัดหลั่ง ว่าเป็นของใคร ผลตรวจตรงกับใครบ้าง

พ.ต.ท.อนุรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับพยานเอกสารที่ได้มีการรวบรวมตรวจสอบนั้น มีทั้งในส่วนของทะเบียนประวัติการเยี่ยมญาติของผู้ต้องขังจีนเทาทั้งสองคน เพราะในการเยี่ยมญาติ เรือนจำฯ จะต้องมีการให้ลงชื่อและสกุลของญาติ ว่าได้มีการเข้าเยี่ยมตลอดเวลาที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง เข้าเยี่ยมวันที่เวลาใด ซึ่งในส่วนของนางแบบสาวชาวจีนสองคนที่มีประเด็นนั้น ก็พบว่าไม่ได้อยู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องของการเยี่ยมญาติ อย่างไรก็ดี ประเด็นที่มีการถกเถียงกันว่าวันอาทิตย์ เรือนจำสามารถให้บริการเยี่ยมญาติได้หรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวตนทราบว่าอำนาจดุลพินิจของผู้บัญชาการเรือนจำฯ สามารถอนุโลมให้เข้าเยี่ยมได้ แต่มันจะมีหลักเกณฑ์เงื่อนไขอยู่ ซึ่งไม่ใช่การเยี่ยมญาติทุกครั้งจะสามารถเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในวันอาทิตย์ได้ ฉะนั้น ในกรณีของผู้ต้องขังจีนเทาสองรายนี้ ก็จะต้องใช้สอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ด้วยว่า ในวันอาทิตย์แต่ละครั้งที่นางแบบสาวชาวจีนได้เข้าไปพบกับผู้ต้องขังจีนเทาสองราย เกิดขึ้นจากการอนุญาตโดยอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในขณะนั้นหรือไม่ อย่างไร ซึ่งถ้าหากมีเอกสารใดเพิ่มเติมที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการก่อนหน้านี้แล้วดีเอสไอมีความจำเป็นต้องนำเข้าสำนวนการสืบสวน ก็จะได้มีการขอเก็บรวบรวมไว้ด้วย 

พ.ต.ท.อนุรักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับ 19 รายชื่อเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่ถูกคำสั่งย้ายไปปฎิบัติหน้าที่ยังเรือนจำต่างจังหวัด ทางชุดสืบสวนดีเอสไอ ได้มีการกระจายกำลังลงพื้นที่ไปสอบสวนปากคำเจ้าหน้าที่บางส่วนแล้ว ซึ่งพบว่าบางกลุ่มได้ให้การยอมรับและให้การเป็นประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นพยานสำคัญในจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดลพบุรี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะไม่เน้นเฉพาะการหาข้อมูลจากเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเพียงแค่ 19 ราย แต่เราจะขยายผลตรวจสอบไปดูบุคคลใกล้ชิดนายมานพ ชมชื่น อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นคนนอกด้วย ไม่ว่าจะเป็นทนายอักษรย่อ ป. ที่ปรากฏกระแสข่าวตามหน้าสื่อก่อนหน้านี้ ว่ามีความเกี่ยวข้องกันมาอย่างไรบ้าง หรือเข้ามามีบทบาทในส่วนคดีของผู้ต้องขังจีนเทาอย่างไรบ้าง

พ.ต.ท.อนุรักษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกันระหว่างสองผู้ต้องขังจีนเทาที่พบอยู่ในห้องลับใต้บันไดนั้น พบข้อมูลเบื้องต้นว่าทั้งคู่มีความรู้จักกันระดับหนึ่ง เพราะมาจากแดนเดียวกัน แต่ในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันได้ว่าทั้งคู่มีความเกี่ยวข้องกับนายเสอ จื้อเจียง (ผู้ต้องหา)สัญชาติจีนและกัมพูชา ความผิดฐานเปิดบ่อนคาสิโน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งตัวกลับไปยังประเทศจีนก่อนหน้านี้ และขณะเดียวกันในประเด็นที่ว่าผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และพวก ได้มีการรับเงินอุปถัมภ์จากจีนเทาหรือไม่นั้น เราก็จะต้องตรวจสอบดูด้วยว่าเป็นการรับเงินโดยเหตุถูกต้องหรือไม่ เพราะถ้าเป็นเงินที่ถูกต้อง มีเอกสารการรับบริจาคเงิน และวัตถุประสงค์ของเงินบริจาคเหล่านั้น แล้วนำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอาคารสำนักงานส่วนใด หรือใช้ซื้อสิ่งของใดก็จะไม่เป็นความผิด แต่ถ้าหากเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ก็จะต้องไปดูแหล่งที่มาของเงิน 

พ.ต.ท.อนุรักษ์ กล่าวเสริมว่า ถ้าหากในระหว่างกระบวนการสืบสวนพบว่ามีประเด็นใดเพิ่มเติมที่จะต้องสอบปากคำอดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพกรุงเทพมหานคร และเลขานุการของผู้บัญชาการเรือนจำกรุงเทพมหานคร เราก็จะมีการพิจารณาออกหมายเรียกพยานแน่นอน และเมื่อพบการกระทำความผิดจริงตามพยานหลักฐาน ก็จะได้มีการสรุปสำนวนเพื่อส่งให้ ป.ป.ช. ไต่สวนตามความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐต่อไป ทั้งนี้ ระหว่างนี้ดีเอสไอยังคงอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลในแต่ละวัน เพื่อที่จะได้มีการสรุปความชัดเจนอย่างมากที่สุดในการรายงานความคืบหน้าไปยังปลัดกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนดีเอสไอ ได้ร่วมกันตรวจเก็บพยานหลักฐานภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 09.30 น. - 18.30 น. รวมเป็นเวลานานกว่า 9 ชม. จากนั้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้เดินทางเข้าไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม และออกมาพร้อมกับพยานหลักฐานและพยานวัตถุที่สามารถนำไปตรวจสอบDNA (ดีเอ็นเอ)ได้ เนื่องด้วยพบข้อมูลเบื้องต้นว่า มีผู้ต้องขังจีนเทารายอื่นที่ถูกย้ายมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มายังเรือนจำกลางคลองเปรม แต่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ห้องลับใต้บันได ได้ถูกส่งตัวมาคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม เจ้าหน้าที่จึงต้องมาตรวจเก็บดีเอ็นเอด้วย ก่อนจะนำพยานหลักฐานทั้งหมดที่เก็บได้มาตรวจสอบรวบรวมคัดแยกตามจุดเกิดเหตุและจุดเก็บวัตถุพยานแต่ละจุดทั้งในห้องรับรอง ห้องต่อเติม ห้องน้ำ ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และวัตถุพยานอื่น ๆ ที่เก็บได้ในเรือนจำกลางคลองเปรมรวมมากกว่า 100 ชิ้น

อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นเป็นกรณีเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต รับสินบน แม้เป็นคดีพิเศษ แต่กฏหมายก็กำหนดให้ต้องส่งป.ป.ช.พิจารณาว่าป.ป.ช.จะรับไว้ดำเนินการเอง หรือจะส่งกลับมาให้ดีเอสไอดำเนินการ

รายงานข่าวเปิดผยว่า กล้องวงจรปิดพบภาพบอสกันต์ ดิไอคอนกรุ๊ป ออกมาเยี่ยมญาติในวันที่ 16 พ.ย.วันที่เข้าปฏิบัติการจู่โจมค้นด้วย ซึ่งจะมีการสอบปากคำบอสกันต์ โดยก็อาจไม่ได้มาใช้บริการหญิงสาวของกลุ่มจีนเทา ส่วนข้อมูลเดินทางไปต่างประเทศของนายมานพ ชมชื่น อดีตผู้บัญชาการ พบเดินทางไปมาเก๊า และปอยเปต หลายครั้ง นอกจากนี้ยังพบความเชื่อมโยงทนายความคนสนิทของนายมานพ ซึ่งจะต้องสอบขยายผลหากมีหลักฐานถึงก็จะดำเนินคดีด้วย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top