ผิดวินัยร้ายแรง! ให้ออกจากราชการเพิ่มอีก 4 นาย หลังพยานมัดพฤติกรรมรู้เห็นขบวนการคุก VIP

ผิดวินัยร้ายแรง! ให้ออกจากราชการเพิ่มอีก 4 นาย หลังพยานมัดพฤติกรรมรู้เห็นขบวนการคุก VIP

วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 13.56 น.

"รมว.ยุติธรรม"เผยมีคำสั่งเด้ง"ผอ.ส่วนควบคุมผู้ต้องขัง" พร้อมเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบผิดวินัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการไว้ก่อนเพิ่มอีก 4 นาย หลังพยานมัดพฤติกรรมรู้เห็นขบวนการคุก VIP แต่ไม่ระงับยับยั้ง แย้มวันเข้าตรวจเรือนจำวันแรก มีเจ้าหน้าที่เขียนจดหมายน้อยยัดใส่มือคอยให้เบาะแสความผิดปกติในเรือนจำฯ

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ที่อาคารกรมบังคับคดี ถ.บางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เป็นประธานในพิธีสงฆ์ในงาน "วันคล้ายวันสถาปนากรมบังคับคดีครบรอบ 51 ปี" ต่อจากนั้นได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เอื้อประโยชน์แก่ผู้ต้องขังจีนเทา ภายหลังจากที่ รมว.ยุติธรรม ได้ขีดเส้น 5 วัน สำหรับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง นำโดย นายไพฑูรย์ มงคลหัตถี ผู้หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ ประธานคณะกรรมการฯ ดำเนินการตรวจสอบ


โดย พล.ต.ท.รุทธพล เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรมราชทัณฑ์ ราว 1 ชม.ว่า ตนได้ประชุมร่วมกับ นายไพฑูรย์ มงคลหัตถี ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรับรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบ รวมถึงหารือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อดำเนินการในส่วนคดีอาญา ทั้งนี้ เบื้องต้นพบการกระทำผิดชัดเจนเรื่องของวินัยร้ายแรง และได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน 4 นาย โดยเป็นผู้อำนวยการส่วนควบคุมผู้ต้องขัง 1 นาย และอีก 3 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในเรือนจำฯ ซึ่งรับรู้เรื่องการกระทำความผิดและไม่ดำเนินการตามระเบียบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ 4 นาย อยู่ในจำนวน 20 รายชื่อ ที่ถูกคำสั่งย้ายไปเรือนจำต่างจังหวัดก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ยังมีพยานหลักฐานจากการสอบปากคำพยานและอีกหลายๆ ส่วนที่จะยืนยันการกระทำความผิดวินัยร้ายแรงได้ โดยคณะทำงานจะรวบรวมพยานหลักฐานให้มากที่สุดก่อนจะส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ดำเนินการตามมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อไป

พล.ต.ท.รุทธพล เผยว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เหลืออีก 14 นาย ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากบางคนก็อาจอยู่ในสภาวะจำยอมจากการที่ผู้บังคับบัญชาการสั่งการ อีกทั้งตอนที่ตนได้เข้าไปตรวจเรือนจำวันแรก ก็มีเจ้าหน้าที่บางส่วนเขียนจดหมายน้อยแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นยัดใส่มือตนเอง ดังนั้น ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด บางคนอาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่ไปอยู่ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุเท่านั้น บางคนอาจมีความผิดเล็กน้อยตามลำดับชั้น ดังนั้น ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

พล.ต.ท.รุทธพล เผยต่อว่า ส่วนประเด็นที่ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ ผบ.เรือนจำฯ และพวกนั้นทราบว่าดำเนินการไปได้ค่อนข้างมากแล้ว และตรวจสอบไปแล้วหลายชั้นจนถึงกลุ่มเครือญาติของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมีการสรุปราย งานอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ในรายละเอียดสำนวนการสืบสวนตนไม่สามารถเปิดเผยได้ รวมไปถึงกระแสข่าวลือว่าหญิงนางแบบชาวจีนทั้ง 2 คน ได้รับเงินค่าจ้าง 5 แสนบาทด้วยนั้น ก็ต้องดำเนินการขยายผลตรวจสอบข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ฉาวเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ห้องเชือดใต้บันได ล่าสุดได้มีข้าราชการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน รวมทั้งสิ้น 6 ราย ประกอบด้วย 1.ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 2.เลขานุการ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วนที่เพิ่ม 4 นาย ได้แก่ ผอ.ส่วนควบคุมผู้ต้องขัง เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และอีก 3 เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

สำหรับเรื่องรูปถ่ายครอบครัวชินวัตร ภายหลังการเยี่ยมญาติใกล้ชิดที่เรือนจำกลางคลองเปรมนั้น พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพถ่ายจริง ซึ่งเกิดขึ้นในโครงการการเยี่ยมญาติใกล้ชิด ซึ่งเป็นโครงการที่มีมานานแล้วกว่า 10 ปีแล้ว ก็เป็นภาพทั่วไป

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top