ช่างเครื่องถม สถาบันสิริกิติ์ ปลาบปลื้มเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' ชุบเลี้ยงเป็นช่างฝีมือ

ช่างเครื่องถม สถาบันสิริกิติ์ ปลาบปลื้มเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' ชุบเลี้ยงเป็นช่างฝีมือ

วันจันทร์ ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 12.17 น.
Tag :

ช่างเครื่องถม สถาบันสิริกิติ์ ปลาบปลื้มเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' ชุบเลี้ยงเป็นช่างฝีมือสืบสานศิลปหัตถกรรมชั้นสูงของชาติ

1 ธันวาคม 2568 สำนักพระราชวังรับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ  พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่สํานักพระราชวัง จิตอาสา 904 และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัย รวมถึงให้คำแนะนำอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการที่นั่งวิลแชร์และประชาชนตลอดเส้นทาง เพื่อให้การเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ และมีบริการน้ำดื่ม บริการ Shuttle Bus รับ-ส่งที่บริเวณทางออกหน้าประตูเทวาภิรมย์ไปยังท้องสนามหลวงด้วย

       สำหรับบรรยากาศวันนี้ ตั้งแต่เช้าได้มีประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสุภาพสีดำไว้ทุกข์เดินทางมาเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ เบื้องหน้าพระโกศอย่างต่อเนื่อง

       นอกจากนี้ มีคณะบุคคลจากจังหวัดต่างๆ อาทิ จ. สกลนคร, จ. สตูล , จ.ลำปาง, จ.สมุทรปราการ, จ.สมุทรสงคราม, คณะช่างฝีมือ สถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา, คณะนักเรียน ร.ร.พระตำหนักสวนกุหลาบ, โรงเรียนบ้านงิ้วงาม จ.อุทัยธานี, สมาคมผู้ตรวจตรวจสอบอาคาร, สมาคมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไทย, มูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา, ชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แห่งประเทศไทย, กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เป็นต้น เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ และวางพวงมาลาถวายราชสักการะ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ด้วยความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานับประการเพื่อส่งเสริมช่วยเหลือพสกนิกรให้มีอาชีพมีรายได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

       ด้านนายอุทัย แดงนำ ช่างฝีมือถมทอง สถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา กล่าวภายหลังเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพนะพันปีหลวง ว่า ตนเป็นชาว อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ที่ตนได้มาฝึกอาชีพอยู่ที่สถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา เนื่องจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชเสาวนีย์ ให้ทางสถาบันหาคนที่เป็นชาวไร่ ชาวนา มีฐานะยากจนได้เข้ามาฝึกวิชาชีพในสถาบันช่างฝีมือ



       “ได้ถูกคัดเลือกเข้ามาฝึกเกี่ยวกับเครื่องถม เป็นช่างฝีมือของสถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา ตั้งแต่ปี 2528 ตอนนั้นผมพึ่งอายุ 18 ปี ได้มาฝึกอาชีพที่สถาบันสิริกิต์ 40 ปีแล้ว ปัจจุบันเป็นตำแหน่งช่างเครื่องถมเงิน ถมทอง ทำเกี่ยวกับเครื่องถมเงินเมืองนคร เครื่องถมทอง ทำให้มีอาชีพ มีรายได้ สมเด็จพระพันปีหลวง ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนจากเด็กบ้านนอกได้มาอยู่กับพระองค์ท่านภาคภูมิใจมากทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น การสูญเสียพระองค์ท่านไปรู้สึกตื้นตันอยู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก ยากที่จะอธิบายถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านมีต่อพวกเรา“

       ขณะที่ น.ส.ทองวาด อิ่มบุญสุ อายุ 66 ปี ช่างถมทอง สถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา กล่าวว่า ตนเป็นคน จ.นราธิวาส สมัยเด็กๆ คุณแม่ไปเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระพันปีหลวง ซึ่งท่านเสด็จฯไปเยี่ยมราษฎร ที่ จ.นราธิวาส พระองค์ท่านถามแม่ว่า มีลูกกี่คน ซึ่งแม่มีลูก 12 คน และมีฐานะยากจน ท่านก็ถามว่าให้ไปฝึกอาชีพไหม ตอนนั้นตนอายุ 19 ปี ก็ได้เข้าไปฝึกอาชีพที่ จ.นราธิวาส พอท่านเสด็จกลับ กรุงเทพฯ ตนก็ได้เดินทางมาฝึกอาชีพต่อที่สถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี 2522 รวม 46 ปีแล้ว

       “บ้านเดิมอยู่ จ.สกลนคร เนื่องจากพื้นที่มีสภาพแห้งแล้ง พ่อแม่จึงย้ายไปอยู่ จ.นราธิวาส จากที่เรามีอาชีพทำสวนทำไร่ สมเด็จพระพันปีหลวง ท่านก็ได้เอาไปฝึกอาชีพถมทอง มีครูมาสอนเขียนลายก่อน และพัฒนาฝีมือไปเลื่อยๆเป็นช่างสลักปัจจุบันเป็นช่างถมทอง ก็ใช่เวลาในการฝึกนานนับ 10 ปีกว่าจะคร่อง เวลาท่านแปรพระราชฐาน ก็เอาเราไปฝึกงานด้วย


       “หลังจากที่รู้ข่าวว่าพระองค์ท่านสวรรคต ก็รู้สึกเสียใจมาก เพราะเราอยู่กับพระองค์ท่านมานานจึงมีความผูกพันมาก เคยเป็นตัวแทนแผนกเดินทางไปต่างประเทศกับพระองค์ท่านด้วย ก็รู้สึกตื้นตันใจมาก ถ้าพระองค์ท่านไม่เอาเรามาชุบเลี้ยง ก็คงไม่มีอาชีพที่มั่นคง ก็รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษณ์สืบสานงานศิลปะหัตถกรรมชั้นสูงของไทย เป็นความภูมิใจที่อธิบายไม่ถูก งานชิ้นหนึ่งไม่ใช่ทำวันสองวันเสร็จ ถ้างานชิ้นใหญ่กว่าจะเสร็จใช้เวลาทำเป็นปีถึง 2 ปี แต่เราทำเป็นหมู่คณะ งานที่ประทับใจที่สุดคือ สุพรรณเภตรา หรือ เรือสำเภาทองคำ และบุษบกมาลา ภูมิใจงานทุกชิ้นที่ได้ทำถวายพระองค์ท่าน ได้มาฝึกอาชีพ จากที่เราเป็นแค่ชาวไร่ชาวนา และได้มาอยู่ตรงนี้ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ พระองค์ท่านพระราชทานบ้านพักที่ศูนย์พักใจ พร้อมที่ดิน 1 ไร่ ที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่สุขสบสยแต่เราเท่านั้น ทำให้พ่อแม่ญาติพี่น้องเรามีอยู่มีกินไปด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นเหลือไม่มีอะไรเปรียบได้แล้ว ตอนนี้ก็ยังทำงานที่สถาบันสิริกิติ์ฯต่อไป“ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า

       ส่วน นายมักรี เรืองชาญศิลป์ อายุ 62 ปี ช่างฝีมือแผนกเครื่องเงิน สถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา กล่าวว่า  ตนเป็นชาวไทยมุสลิมจังหวัดนราธิวาส ครอบครัวฐานะยากจน มีพี่น้อง 8 คน เมื่อครั้งเรียนจบชั้น ป.7 อายุ 15 ปี ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ที่หมู่บ้านที่ตนพักอาศัย ตนได้ถวายต้นหญ้าลิเภา พระองค์ท่านตรัสถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ ทรงถามว่า อยากมาเรียนทำลิเภาหรือไม่ มีครูสอน ก็สนใจตามประสาเด็กอยากเข้ากรุงเทพฯ พระองค์ประทับที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์นาน 2 เดือน ระหว่างนั้นพระองค์รับสั่งให้ครูผู้สอนลิเภาคัดเลือกเยาวชนมาทำงานดึงหวาย ตนก็ช่วยงานดึงหวายอยู่กว่า 1 เดือน ได้เห็นพระองค์ท่านอยู่บ่อยครั้ง หลังท่านเสด็จฯ กลับ กรุงเทพฯ มีผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นำหนังสือจากสำนักพระราชวัง ให้ตนไปเรียนงานศิลปาชีพที่พระตำหนักจิตรลดา กรุงเทพฯ รู้สึกดีใจมากที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ฝึกฝนงานศิลปะ ดีใจที่เจอเพื่อนใหม่จากจังหวัดต่างๆ ที่มาฝึกอาชีพเช่นกัน  จากแผนกลิเภา เปลี่ยนมาฝึกแผนกเครื่องเงิน เรียนจากครูชาวเขาที่เป็นช่างฝีมือรุ่นพี่


       “ครั้งแรกมีโอกาสตามเสด็จฯ ไปที่ จ.สกลนคร ผมพัฒนาฝึกฝนฝีมือเครื่องเงินเรื่อยมา ขึ้นรูป เหยียบตะเกียง เชื่อมเงิน จนรู้สึกชอบงานเครื่องเงิน สร้างสรรค์ผลงานเครื่องเงินรูปสัตว์ต่างๆ ได้วิชาความรู้เพิ่มเติมตลอดและมีอาชีพช่างฝือสร้างรายได้ให้กับตัวเอง ทุกวันนี้ก็ยังเรียนรู้การทำเครื่องเงินตลอดเวลาเพื่อให้ผลงานมีความประณีตมากยิ่งขึ้น จากผลงานขนาดเล็ก ฝีมือที่มากขึ้นสร้างผลงานขนาดใหญ่ อย่าง สีวิกากาญจน์ เป็นพระราชยาน ซึ่งนำต้นแบบมาจากสีวิกาที่ประดิษฐานอยู่บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งสถาบันสิริกิติ์ฯ ดำเนินการตามพระราชเสาวณีย์ของพระองค์ท่าน เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ส่วนปี 2540 ตนและช่างฝือสถาบันสิริกิติ์ฯ มีโอกาสตามเสด็จไปประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทางสถาบันสิริกิติ์ฯ นำผลงานไปจัดแสดงที่หอไอเฟล ทรงรับสั่งถาม "เอาอะไรมาโชว์ฝรั่งจ๊ะ" ตนกราบบังคมทูลนำผลงานเรื่องสุพรรณหงษ์และอีกหลายผลงาน ทรงแนะนำกับภริยาประธานาธิบดีฝรั่งเศส ว่า คนนี้ช่างฝีมือไทย เป็นความภาคภูมิใจและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น กว่า 47 ปีที่เป็นช่างฝือเครื่องเงิน จากคนไม่รู้หนังสือ มาวันนี้มีความรู้และฝีมือ ได้รับเงินเดือนมีชีวิตที่ดีขึ้น พระองค์ท่านสถิตอยู่ในดวงใจตลอดมา อีกความปลาบปลื้มเมื่อผมแต่งงาน ซึ่งภรรยาเป็นช่างฝืมือถมทอง ได้รับพระราชทานที่ดินพร้อมบ้านที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร“ นายมักรี กล่าวด้วยน้ำตาแห่งความอาลัย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top