ตัดทางทำมาหากิน! พ.ร.บ.ควบคุมแอลกอฮอล์ใหม่ ทำร้านอาหารอีสานซบเซา รายได้หด 70% ชี้ช่วง 14.00-17.00 น. คือช่วงทำเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลกระทบจากการบังคับใช้ พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 2568 โดยเฉพาะข้อห้ามสำคัญที่ระบุว่า ห้ามผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ขาย หรือบริเวณที่จัดบริการเพื่อบริโภคในเวลาห้ามขาย ซึ่งรวมถึงช่วง 14.00 น. ถึง 17.00 น.

แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะมีการดึงเรื่องไว้และพิจารณาให้มีการผ่อนผันตามมาตรการ 6 เดือน แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารพื้นเมืองอีสานลาบก้อยในจังหวัดกาฬสินธุ์ต่างแสดงความไม่สบายใจ เนื่องจากกระแสข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมการกินของคนอีสานที่นิยมบริโภคเนื้อสดพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้าขาว)

นางศิริญาพร อายุ 54 ปี ผู้ประกอบการร้านอาหารกำนันบุญส่ง สาขา 3 ปากทางเขื่อนลำปาว อ.ยางตลาด กล่าวว่า ร้านของตนเป็นร้านลาบก้อยยอดฮิตที่อยู่ในเส้นทางการท่องเที่ยว และมีลูกค้ากลุ่มใหญ่คือเกษตรกรชาวนา และพ่อค้าขายกุ้งก้ามกราม ซึ่งปกติจะมานั่งรับประทานอาหารกลางวันและนั่งดื่มผ่อนคลายในช่วง 14.00 - 17.00 น.

‘ช่วงเวลา 14:00 -17:00 น. ดังกล่าว ถือเป็นช่วงทำเงินของร้านอาหารประเภทเมนูลาบก้อย... แต่ทุกวันนี้ตั้งแต่มีกระแสข่าวออกมา ไม่มีลูกค้าเข้ามานั่งทานในร้านเลย จะมีก็แต่ซื้อกลับไปกินที่บ้าน ลูกค้าไม่กล้านั่งรับประทานที่ร้าน กลัวมีความผิด’ นางศิริญาพรกล่าว

นางศิริญาพรระบุว่า บรรยากาศการค้าขายซบเซาลงทันที และ รายได้หายไปกว่า 70% โดยเฉพาะยอดขายเครื่องดื่มอย่างเหล้าขาวและเบียร์ที่ลดลงเป็นอย่างมาก จึงเรียกร้องให้มีการทบทวนและยกเลิก พ.ร.บ.ตัวนี้ โดยให้รัฐบาลหันไปแก้ปัญหาหลักของประเทศ เช่น เศรษฐกิจตกต่ำ ความยากจน และยาเสพติด แทนการมา ‘ตัดเส้นทางทำมาหากินของประชาชนคนรากหญ้า’

ด้าน นางสาวเบญจมาศ อายุ 41 ปี แม่ครัวร้านเปรี้ยวปาก ร้านอาหารย่านสถานบันเทิง ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ก็ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ข่าวติดล็อกการจำหน่ายและบริโภคสุราในช่วง 14.00 - 17.00 น. ส่งผลกระทบต่อการค้าขายอย่างมาก

นางสาวเบญจมาศ กล่าวอีกว่า ร้านค้ากำลังมีความหวังว่าการค้าขายจะดีขึ้นในช่วงฤดูหนาว ซึ่งมีลูกค้ากลุ่มส่วนราชการที่เริ่มมีรายได้จากการขายสินค้าเกษตร และมีการจองโต๊ะรับประทานอาหารเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี แต่การมี พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกมากลับส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อร้านค้าทั่วไป จึงอยากให้รัฐบาลมีการทบทวนใหม่

////////-026