วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568
รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น...หลายวัน หลังน้ำลดหาดใหญ่ ยังไม่ปกติ ขยะมลพิษ ที่กลายเป็นมลภาวะ ทั้งกลิ่นเหม็นเน่า และฝุ่นละออง ยังกำจัด ไม่หมด โดยเฉพาะในถนนสายรอง ในตรอก ซอกซอย ในชุมชน ที่กำลังสร้างความไม่พอใจ ให้กับประชาชน ที่ต้องทนอยู่กับกองขยะกองใหญ่ที่เรียกว่าสิ่งปฏิกูล ซึ่งหากยังเกิดความล่าช้า อย่างที่เป็นอยู่ เป้าหมายในการขับไล่ ของคนหาดใหญ่ อาจจะไม่ใช่ ปลัดแป้น หรือณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ แต่อาจจะเป็นรัฐศาตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัด ก็เป็นได้….โดยเฉพาะการขนขยะ จากตัวเมืองชั้นในของหาดใหญ่ มารวมกอง ในที่ดินเอกชน ที่สะพานดำ หรือเขต 8 ก่อนที่จะมีการขนถ่าย ไปยังโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ของบริษัททีพีไอโพลีน ที่ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง สงขลา เริ่มสร้างความไม่พอใจ ให้กับ ประชาชน ที่อยู่ใกล้กองขยะขนาด 40,000 ตัน เพราะกลิ่น และฝุ่น จากกองขยะ เริ่มสร้างมลภาวะ ให้กับ ประชาชน ที่อาศัยใน บริเวณสะพานดำ แล้ว นั่นเอง….และข่าวว่ากองขยะแห่งที่ 2 ที่จะรับขยะ จาก เทศบาลนครหาดใหญ่ อยู่ที่ บริเวณบ่อบำบัดน้ำเสีย ที่ฝั่งถนนลพบุรีราเมศวร์ เพราะโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ที่ต.เกาะแต้ว ก็ไม่มีสถานที่ใหญ่โต ที่เพียงพอ ในการรับขยะ ที่เกิดจาก น้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ วันนี้การบริหารจัดการกับขยะ ของเทศบาลนครหาดใหญ่ จึงยังไรทิศทาง เป็นการแก้ปัญหาแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด ที่พร้อมจะเป็นระเบิดเวลา ที่อาจจะเกิดระเบิด ขึ้นได้ตลอด…..และก่อนหน้านี้ ที่มีการแถลงข่าว ว่าจะมีทหาร 2,000 นาย จาก กองทัพภาค 4 และมีอาสารักษาดินแดน 4,000 นาย ถูกระดม เข้ามาเพื่อกอบกู้ และฟื้นฟู เมืองหาดใหญ่ ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ โดยเร็ว สุดท้ายก็เป็นเพียงราคาคุย เพราะเอาจริงเอาจัง การขนขยะ จากเทศบาลนครหาดใหญ่ ยังเป็นหน้าที่ของผู้รับเหมา ... ส่วนเครื่องจักกล ของกองทัพ และกำลังพลของกองทัพภาคที่ 4 มีประปราย ถามว่าอะไรเกิดขึ้น กับการบริหารจัดการ สถานการณ์ในยามวิกฤติ ที่มีการใช้พรกฉุกเฉิน มาเพื่อแก้ไขวิกฤติการณ์ ของหาดใหญ่ เพราะทั้งประปา ทั้งไฟฟ้า ทั้งโทรศัพท์ ทั้ง อินเตอร์เน็ต ที่ล่ม ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.เป็นต้นมา จนถึง วันนี้ยังกู้คืนไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็น หลายพื้นที่ยังจุดเทียนไข ในเวลาค่ำคืน หลายพื้นที่ยังไม่มีน้ำประปา และหลายพื้นที่สัญญาณโทรศัพท์ และสัญญาณอินเตอร์เน็ต ยังล่มแล้วล่มอีก หน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการกู้ สาธารณูประโภค ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า,ประปา,และโทรคมนาคม ต่างแก้ปัญหา เหมือนเป็นเหตุธรรมดา ที่ใช่บ้านเมือง อยู่ในยามวิกฤติ ถามว่าเมื่อเป็นเช่นนี้การประกาศใช้ พรกฉุกเฉิน ได้ประโยชน์อะไร….ที่สำคัญ เคยเห็น ผบ.สส. ที่เป็นผู้รับผิดชอบ กับสถานการณ์ฉุกเฉิน เคยออกมาแถลงข่าว ความคืบหน้าการกอบกู้ เทศบาลนครหาดใหญ่ ให้ประชาชน ได้รับทราบหรือไม่ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย และผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา รวมทั้ง แม่ทัพภาคที่ 4 และหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ กับสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น เคยออกทีวี เพื่อการแถลงข่าวพร้อมๆกัน เพื่อให้ประชาชนทราบถึงความคืบหน้า หรือ แนวทาง ในการแก้ปัญหา ที่เกิดขึ้น หรือไม่…..ทั้งที่ หาดใหญ่ เป็นที่ตั้งของ กรมประชาสัมพันธ์เขต 6 เป็นที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 และมีเครือข่ายการสื่อสาร ครอบคลุมภาคใต้ตอนล่าง แต่ทำไม่รัฐบาล และหน่วยต่างๆ จึงสอบตก ในเรื่องสื่อสารกับสังคม ประเด็นนี้ รัฐมนตรี ที่ดูแลรับผิดชอบกรมประชาสัมพันธ์ ต้องถามตัวแทนเอง ว่าที่เข้าใจ ในบทบาท ของการสื่อสารกับสังคมแค่ไหน รวมทั้งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ก็ต้องถามตนเองว่า ในการกอบกู้ สถานการณ์ฉุกเฉิน กรมประชาสัมพันธ์ต้องวางบทบาท อย่างไร ทั้งในบริบท ที่ต้องตอบโจทย์รัฐบาล และในบริบท ที่ต้องรับผิดชอบ ต่อประชาชน...ขอแสดงความยินดีกับ พ.ต.อ.มาชา แก้วทอง ย้ายมารับตำแหน่ง ผู้กำกับ สภ.หาดใหญ่ แทน พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม พ้นจากการเป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ เพื่อเซ่นน้ำท่วม ...
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี