วันศุกร์ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568
จากกรณีข้อพิพาทชายแดนตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568 ที่ผานพ้นมา ทำให้มีทหารไทยเสียชีวิตและบาเจ็บเป็นจำนวนมากจากการที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงโจมตีก่อนที่จังหวัดศรีสะเกษ
ล่าสุดวันนี้ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เพจเฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 2 ได้การออกแถลงการณ์เป็นฉบับภาษาจีน โดยมีใจความดังนี้
.jpg)
กองบัญชาการทหารบกภาคที่ 2 ของไทย ขอออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงล่าสุดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้: นับตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568 พื้นที่ชายแดนโดยทั่วไปสงบ ไม่มีกิจกรรมผิดปกติใดๆ ตรวจพบ อย่างไรก็ตาม ในเวลา 22.42 น. ของเย็นวันนั้น กองทัพกัมพูชาได้เปิดฉากโจมตี โดยใช้ปืนใหญ่และปืนครกระดมยิงใส่ตำแหน่งของเรา และใช้โดรนลาดตระเวนในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ช่องบก ช่องสังงาม ช่องแอ้นมา ปราสาทคนา ปราสาทตาควาย และพระวิหาร
เพื่อตอบโต้การโจมตีของศัตรู กองบัญชาการทหารบกภาคที่ 2 ของเรา ได้ดำเนินการตอบโต้ป้องกันตนเองตามหลักการป้องกันตนเองโดยชอบธรรม ตามความจำเป็นและสัดส่วนแล้ว การโจมตีเป้าหมายทางทหารที่สำคัญของข้าศึกโดยใช้ปืนใหญ่และปืนครกได้ดำเนินการอย่างแม่นยำ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากในหลายพื้นที่ รวมถึงการทำลายยานพาหนะขนส่ง การกดดันตำแหน่งยิง และการโจมตีฐานที่มั่นทางทหารแนวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ความคืบหน้าในพื้นที่ปฏิบัติการสำคัญ
1. ช่องรายี-พล็อตดัง (ตั้งอยู่ในอำเภอกัปเชิง จังหวัดสุรินทร์): กองกำลังเคลื่อนที่ของเราได้ควบคุมและรวมกำลังในพื้นที่นี้เรียบร้อยแล้ว และกำลังเสริมกำลังป้องกันอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการโจมตีตอบโต้ที่อาจเกิดขึ้นจากข้าศึก
2. ช่องคน (ตั้งอยู่ในอำเภอกัปเชิง จังหวัดสุรินทร์): กองกำลังของเรากำลังรุกคืบอย่างต่อเนื่องตามแผนปฏิบัติการที่วางไว้ เป้าหมายสำคัญถูกยึดครองแล้ว และปฏิบัติการจะดำเนินต่อไปเพื่อให้สามารถควบคุมพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์
มาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ส่วนหลัง
กองบัญชาการทหารบกภาคที่ 2 ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครพลเรือน ทีมรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และอาสาสมัครป้องกันภัยพลเรือน เพื่อดำเนินการตามมาตรการต่างๆ อย่างเต็มที่ตามแผนรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ส่วนหลัง ซึ่งรวมถึงการลาดตระเวน การตั้งจุดตรวจ การรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน การคุ้มครองทรัพย์สิน และการเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสาธารณะและรักษาขวัญกำลังใจของประชาชนให้สูงสุด
คำประกาศอันศักดิ์สิทธิ์
กองบัญชาการทหารบกภาคที่ 2 แห่งกองทัพบกไทย ขอประกาศอันศักดิ์สิทธิ์ว่า: เราจะใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดอย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และจะปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และศักดิ์ศรีของชาติอย่างเด็ดเดี่ยว กองทัพของเราจะปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถและจะไม่ถอยหนี
กองบัญชาการทหารบกภาคที่ 2 — 11 ธันวาคม 2568
------------------------
"泰国陆军第二军区现就泰柬边
境近期安全态势,向公众发表正式声明如下:
自公元二零二五年十二月十日十八时起,边境地区总体保持平静,未发现异常状况。然而,当晚二十二时四十二分,柬埔寨军方首先发起攻击,动用火炮、迫击炮等火力支援武器,对我方阵地实施炮击,并派遣无人机在 Chong Bok、Chong Sa-ngam、Chong Aen Ma、Prasat Khna、Prasat Ta Khwai 及 Preah Vihear 等关键地带进行侦察活动。
面对敌方攻击,我第二军区依据合法自卫原则,已采取必要
且相称的防御性反击行动。运用火炮及迫击炮对敌重要军事目标实施精确打击,致其多个区域遭受显著损失,包括摧毁其运输载具、压制其火力阵地,并有效打击其前沿军事据点。
主要作战区域进展
一、Chong Rayi–Plot Dang (位于 Surin府 Kap Choeng县) 我方机动部队已成功控制并巩固该区域,现正持续强化防御部署,以防范敌军可能发起的再次反击。
二、Chong Khna (位于 Surin府 Kap Choeng县) 我部正按既定作战计划稳步推进,目前已占领关键目标,并将继续展开行动,以达成对该区域的完全控制。
后方安全防护措施
第二军区已与地方行政机构、民事志愿者、村庄治安队及民防志愿者密切合作,依照后方安全防护计划,全面落实巡
逻、检查哨、村庄安保、财产保护及监控可疑人员等多项措施,以最大限度确保民众安全与稳定民心。
严正声明
泰国陆军第二军区郑重声明:
我们将坚定不移地采取一切必要措施,全力保护人民生命财产安全,坚决捍卫国家主权、领土完整与民族尊严。我军必将恪尽职守,绝不后退。
泰国陆军第二军区 — 公元二零二五年十二月十一日
------------------------
#กองทัพบก #RTA
#กองทัพภาคที่2
#สันติภาพไม่มีอยู่จริง
#ทำลายให้สิ้นสภาพ
#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
#CambodiaOpenedFire
#TruthFromThailand"
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ขอขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 2, เฟซบุ๊ก Army Military Force
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี