วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หลังได้รับการร้องเรียน โดยได้พบกับ ยายที่บ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง ในเขตเทศบาลตำบลกระโสม อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นยายของเด็กหญิงบี อายุ 13 ปี ซึ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองพังงา ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวกันกับเคสก่อนหน้านี้ที่มีคลิปหลุดมา จนเป็นข่าวดังในโลกโซเชียล
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนเคสรุบตบ 9 รุม 1 ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา เหตุเกิดหลังห้องน้ำห้องภายในโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งอยู่ในเวลาเรียน โดยมีนักเรียนผู้กระทำจำนวน 5 - 6 คน เพศหญิงทั้งหมด อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้รุมทำร้ายร่างกายนักเรียนผู้เสียหายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และมีการถ่ายคลิปวิดีโอไว้ และต่อมาได้มีคลิปหลุดตามสื่อโซเชียลช่วงประมาณวันที่ 6 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา พร้อมกับคลิป 9 รุม 1 แต่ทางโรงเรัยนมีการสั่งลบคลิปไปก่อน จึงไม่ได้ถูกแพร่ออกไปมากนัก จากนั้น ยายและหลานสาวได้เดินทางไปยังสภาทนายความ เพื่อขอความช่วยเหลือ
ยาย เล่าวว่า ปกติกน้องบีจะอาศัยอยู่กับตนเองและตา ส่วนแม่น้องไปทำงานอีกทีหนึ่ง เวลามีอะไรเกียวกับโรงเรียนตนเองก็จะไปทุกครั้งน้องเป็นเด็กเรียบร้อยไม่ค่อยพูด หลังจากโดนรุมทำราย หลานก็มาบอกตนเองว่าไม่อยากไปโรงเรียน โดนตบมา และเพื่อนก็ชอบว่าชอบด่า ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตนเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นึกว่าทะเลาะกันธรรมดาเล็กน้อย แต่พอผ่านไปสักเดือนกว่าๆ ก็มีคลิปวีดีโอเด็กรุมทำร้ายกันในโรงเรียนดังกล่าวลงในโลกโซเชียลเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา และก็มีคลิปน้องถูกทำร้ายโดยมีการรุมตบหลังห้องน้ำในโรงรียนหลุกออกมาตามหลัง และเพื่อนที่รุมตบ ถีบ เตะ ตบ กระชากผม มีประมาณ 5 - 6 คน เป็นเด็กผู้หญิงทั้งหมด พร้อมกับมีการถ่ายคลิปวีดีโอไว้ด้วย ทำให้หลานสาวอับอายและไม่กล้าที่จะไปโรงเรียนอีกเลยเกือบสองอาทิตย์แล้ว และผลสอบติด 0 ก็ยังไม่ได้แก้ เพราะว่าไม่ได้ไปโรงเรียน ก่อนหน้านี้การเรียนน้องที่ผ่านมาก็ไม่เคยติด 0 มารอบนี้ติด 0 หลายตัว น่าจะมีผลจากการที่หลานโดนทำร้ายก่อนสอบ ทั้งนี้ ยายได้เคยพาน้องไปลงบันทึกประจำวันไว้ สภ.เมืองพังงา ช่วงประมาณวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา
ยาย ยังเล่าต่อว่า ตนเองทีสถานะยากจน หาเช้ากินค่ำ ไม่รู้กฎหมาย ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ จึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี หลังจากที่มีคลิปหลุดไปทางโรงเรียนก็ได้เชิญตนเองและหลานเข้าไปพูดคุย พร้อมกับเด็กและผู้ปกครองที่มารุมทำร้ายหลานของตน พร้อมกับเปิดคลิปวีดีโอให้ดู และทางโรงเรียนก็อธิบายบอกยาย แค่จะดำเนินการให้ความเป็นธรรมและบทลงโทษ และสั่งเด็กที่มีคลิปให้ลบทิ้ง เพราะจะทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง แค่คลิป 9 รุม 1 ก็เสียหายมากพอแล้ว และมีครูท่านหนึ่งมาบอกยายว่าให้ยายพาหลานย้ายโรงเรียน สงสารน้อง ซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่งไรดี หลังจากนั้นก็แยกย้ายกลับ และไม่มีการติดกลับมาจากโรงเรียนเลย จึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป แม้แต่ผู้ปกครองและเด็กที่รุมทำร้ายน้องยังไม่เคยติดต่อมาเลย ตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี สงสารหลานมาก ยิ่งเห็นคลิปที่น้องโดนรุมทำร้ายแล้วใจสลาย ไม่รู้จะหันไปขอความช่วยเหลือหรือหาทางออกกับใคร เพราะเรามันก็แค่ตาสีตาสา ใครเขาจะมาสนใจ กลัวไปหมดทุกอย่าง หลานเองก็นอนร้องไห้ทุกคืนตั้งแต่โดนทำร้าย บอกไม่อยากไปโรงเรียน พอดีมีน้องคนหนึ่งแนะนำให้ไปร้องกับผู้สื่อข่าวท่านหนึ่งที่ทำข่าวนักเรียนที่โดนรุม 9 ต่อ 1 โรงเรียนเดียวกันก่อนหน้านี้ จึงตัดสินใจลองประสานดู จะได้ช่วยหลานตัวเองได้รับความเป็นธรรมบ้าง เพราะเกรงว่าเรื่องจะเงียบไป ทั้งนี้ พอพูดคุยหรือสอบถามหลาน น้องกลับมีปฎิกิริยาไม่สู้ดีนัก เหมือนไม่อยากเล่าหรือได้ยินเกี่ยบกับเหตุการณ์ที่น้องเจอมา น้องจะหลบเข้าไปอยู่ในห้องคนเดียว ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาคน ตนเองก็เป็นห่วงน้องมากไม่อยากให้อะไรมากระทบจิตใจของน้องในช่วงนี้
ด้าน น้องบี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เพื่อนที่สนิทกับตัวเองมาตาม บอกให้ไปเคลียร์กับเพื่อนอีกคนที่ตนเองไปว่าเขาหลังห้องน้ำภายในโรงเรีนยช่วงพักเที่ยง ตนเองก็ไปเจอหลังพบหน้าก็โดนล้อมและโดนรุมตบ ตัวเองก็สู้กลับเพื่อป้องกันตัว หลังจากนั้นก็แยกย้าย ต่อมามีครูโทรมาหาเพื่อนของตนเอง สอบถามว่าทะเลาะอะไรกัน เพื่อนก็บอกไปว่าตนเองโดนรุบตบ แต่ทางครูก็ไม่ได้เรียกตนเองไปพูดคุยหรือทำอะไรเลย
ด้าน นายสรรเพชร ทิพย์มณเทียร ประธานสภาทนายความจังหวัดพังงา กล่าวว่า ทางสภาทนายความจังหวัดพังงาได้รับเรื่องดังกล่าวแล้ว มีการพูคุยกับยายและเด็กแล้ว มองว่าเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับเด็กที่ถูกทำร้าย เพราะจากที่ฟังแล้วรู้สึกสงสาร และจะจัดส่งทนายความในสังกัดเข้าดูแลทางด้านกฎหมาย พร้อมให้ความเป็นธรรมกับบทั้งสองฝ่ายตามกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีการปกปิด จนทำให้เด็กผู้ถูกกระทำไม่ได้รับความเป็นธรรม ด้วยเพราะทั้งสองเคสเป็นลูกหลานชาวบ้านตาดำๆ ที่ไม่มีความรู้หรือความสามารถจะเอาอะไรไปสู้หรือโต้แย้งอะไรได้ ได้แต่นิ่งและเงียบ จนกลายเป็นเรื่องปกติไป ทั้งนี้ ทางโรงเรียนรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พยายามปกปิดข่าวและข้อมูลไม่ให้สื่อในพื้นที่ทำข่าว กลัวจะเสียภาพพจน์ของโรงเรียนร ข่มขู่จะฟ้องร้องหากมีการนำเสนอข่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี