เสียงสะอื้นจากแม่จ่าเริง รอรับศพลูกชายสละชีพ เนิน 350 ให้คนทรงทำพิธีเสี่ยงทายตามความเชื่อ

เสียงสะอื้นจากแม่จ่าเริง รอรับศพลูกชายสละชีพ เนิน 350 ให้คนทรงทำพิธีเสี่ยงทายตามความเชื่อ

วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 08.47 น.

ครอบครัวของ ‘จ่าเริง’ ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ทหารกล้าที่สละชีพ เนิน 350 ปราสาทตาควาย ขณะปะทะกับฝ่ายกัมพูชา ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถนำร่างออกจากสนามรบมาได้ ไปหาหมอทรงหรือร่างทรงในหมู่บ้าน เพื่อทำพิธีทำนายหรือเสี่ยงทาย ว่าร่างของจ่าเริงอยู่ที่ไหน ถึงยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้ โดยใช้เวลานานร่วมชั่วโมง ก่อนจะเผยว่า ร่างจ่าเริงอยู่ไกลมาก และคงไม่สามารถนำร่างออกมาได้ง่าย ขณะญาติวอนเพื่อนทหารหาญ ช่วยนำร่างจ่าเริงกลับออกมาโดยเร็ว ในสภาพไหนก็ได้ เพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลให้ตามประเพณี

เมื่อเวลาประมาณ 16.45 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ครอบครัวและญาติพี่น้องของ จ่าเริง หรือ จ.ส.อ.สำเริง  คลังประโคน อายุ 38 ปี ทหารกล้าสังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบ 23 (ร.23 พัน 3) ที่รายงานข่าวระบุว่าได้เสียชีวิตพร้อมกับ พลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา ณ สมรภูมิเนิน 350 ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ขณะปะทะกับฝ่ายกัมพูชา เมื่อค่ำคืนวันที่ 16 ธ.ค.68 ที่ผ่านมา นั้น


โดยตามรายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถนำร่างของทหารกล้า ทั้ง 2 นาย  ออกมาจากพื้นที่ได้ เนื่องจากยังมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลใจของคนในครอบครัว ที่ได้ตั้งหน้าตั้งตารอคอยอย่างมีความหวัง เพื่อรับร่างของจ่าเริง นำมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ณ วัดห้วยปอ ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของ จ่าเริง ซึ่งบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของครอบครัว ทั้งแม่ พี่สาว ภรรยา ลูกๆ ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านของจ่าเริงที่ทราบข่าว เพราะทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก

ในขณะเดียวกัน นางแสงเทียน ยามดี อายุ 55 ปี (เสื้อบอลบุรีรัมย์) ลูกพี่ลูกน้อง จ่าเริง พร้อมญาติพี่น้องบางส่วน ได้เดินทางไปหา นางเกียบ เครือบคนโฑ อายุ 71 ปี หมอทรง ประจำหมู่บ้าน เพื่อทำพิธีเข้าทรงเสี่ยงทายตามความเชื่อโบราณของคนในท้องถิ่น คือ การโปล (อ่านว่า-โบน-เป็นภาษากวยหรือส่วย และเป็นภาษาเขมรพื้นถิ่นไทย) ที่เป็นการทำนายทายทักหรือการเสี่ยงทาย เพื่อหาสาเหตุของเหตุการณ์ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดูว่าจะะสามารถนำร่างของ จ่าเริง กลับออกมาเพื่อประกอบพิธีทางศาสนายังบ้านเกิดได้ง่ายหรือไม่  และหาสาเหตุว่าเหตุใดถึงยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้

โดยในขั้นตอนการทำพิธี ผู้ที่มาทำพิธีจะต้องนำข้าวสาร 1 ถ้วย พร้อมเงินสด 20 บาท มาเป็นค่าครู แล้วมอบให้กับหมอทรง จากนั้นหมอทรงได้นำด้ายสายสิญจน์ มาผูกที่หัวกับท้ายของมีดปะหนาก หรือตะไกรหนีบหมาก และนำข้าวสาร ประมาณ 5 เมล็ด มาวางบนมีดปะหนาก แล้วใช้มือขวาหยิบถือด้ายสายสิญจน์ และใช้มือซ้ายรองมีดปะหนาก วางเหนือถ้วยข้าวสาร ก่อนที่หมอทรงจะเริ่มบริกรรมคาถา และตั้งจิตอธิษฐาน

พร้อมมีการทำนาย หรือเสี่ยงทาย ในลักษณะสอบถามว่าร่างของจ่าเริง หรือ จ.ส.อ.สำเริง ตอนนี้อยู่ที่ไหนจะสามารถนำร่างกลับออกมาได้หรือไม่ ซึ่งญาติๆ ก็อยากให้เจ้าที่เจ้าทาง เปิดทางให้นำกลับมา จะในสภาพไหนก็รับได้ทั้งหมด โดยในขณะที่ทำพิธี หากเป็นไปตามคำทำนายเสี่ยง มีดปะหนากก็จะกวัดแกว่งไปมา หากไม่ตรงตามที่พูดเสี่ยงทายมีดปะหนากก็จะอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว

ซึ่งเมื่อมีการเสี่ยงทำนายสอบถามถึงร่างและวิญญาณของจ่าเริง ว่าอยู่ที่ไหน มีดปะหนากกลับไม่มีการเคลื่อนไหว พอสอบถามว่าร่างจ่าเริงอยู่ที่ไหนกันแน่ และอยู่ในเขตของกัมพูชาหรือไม่ มีดปะหนากกลับเริ่มมีการสั่นไหวช้า ๆ เป็นระยะๆ แต่ไม่ไหวแรง ซึ่งหมอทรง บอกว่า ร่างของจ่าเริง หรือ จ.ส.อ.สำเริง มองไม่เห็นหาตัวไม่เจอ อยู่ในที่ลึกและไกลมาก เข้าไปหาตัวได้ยากลำบาก ซึ่งหมอทรงถึงกับบ่นออกปากว่า เคสนี้เป็นเคสที่ทำพิธียากกว่าทุกเคส เพราะโดยปกติจะทำเพียงไม่ถึง 5 นาที ก็จะรู้ผลแล้ว แต่เคสของจ่าเริงกลับการทำพิธีค่อนข้างที่ติดขัด ฝืดๆ และมองเห็นเลือนราง ไม่ชัดเจนเหมือนกับเคสโดยทั่วไป

ก่อนที่หมอทรงจะได้ใช้อีกวิธีในการเสี่ยงทาย คือการนำไข่ไก่มาวางบนฝ่ามือ ซึ่งขณะที่มีการนำไข่มาให้หมอทรงใบแรก พอหมอทรงหยิบไข่ ไข่ฟองนั้นก็แตกคามือ ก่อนที่จะไปนำเอาไข่ใบที่ 2 มาทำพิธีใหม่ โดยวางไข่ในลักษณะนอนบนฝ่ามือก่อนจะทำนายเสี่ยงทาย เมื่อสอบถามถึงเรื่องราวต่างๆไข่ใบนั้นก็อยู่นิ่ง แต่เมื่อสอบถามถึงร่างจ่าเริงว่าอยู่ไกล และอยู่ในพื้นที่ของฝ่ายกัมพูชาหรือไม่ ไข่ใบนั้นกลับตั้งขึ้น สร้างความประหลาดใจและเศร้าเสียใจ แก่ญาติพี่น้องของจ่าเริงที่ไปทำพิธีเป็นอย่างมาก

ด้วยความเป็นห่วงว่า ฝ่ายกัมพูชาอาจจะนำร่างของจ่าเริง ไปเก็บซ่อนไว้อยู่ในฝั่งของกัมพูชา จึงทำให้ยังไม่สามารถนำร่างของจ่าเริง กลับมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลตามประเพณีความเชื่อได้ ซึ่งหมอทรงยังบอกด้วยว่า มองเห็นตัวยากมาก และตัวอยู่ลึกและไกล ส่วนที่เอาไข่มาทำพิธีก็เพื่ออยากหาตัวให้เจอ และอยากให้ได้ร่างกลับมาโดยเร็วไว แต่กลับพบว่ามาได้อยู่แต่มาแบบฝืดๆ และเอาออกมาได้ยากมาก เพราะหาตัวกว่าจะเจอก็เลยทำให้ยาก

เมื่อถามว่ามีอะไรบดบังกายอยู่หรือไม่ หมอทรงบอกว่า เนื่องจากตัวของจ่าเริงอยู่ไกล จึงเกรงว่าอาจจะเอามาออกมาได้ยากลำบาก ส่วนที่ไข่แตกก็บอกได้ว่าเอามาได้ยาก ซึ่งตัวของจ่าเริงนั้นเสียชีวิตไปแล้ว แต่ร่างก็ยังหาไม่เจอ ส่วนที่ไข่ตั้งได้ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถหาเจอได้ในเร็ววันหรือไม่ ซึ่งประมาณการได้ยากเหมือนกัน ถือว่านานหน่อยกว่าจะหาร่างของจ่าเริงเจอ

ด้าน นางแสงเทียน ยามดี อายุ 55 ปี (เสื้อบอลบุรีรัมย์) ลูกพี่ลูกน้องจ่าเริง ที่มาทำพิธี กล่าวภายหลังทำพิธีว่า ต้องการอยากจะรู้ว่าจ่าเริงน้องชายที่มีข่าวว่าเสียชีวิตอยู่ที่เนิน 350 ปราสาทตาควาย เป็นอย่างไรบ้าง เพราะตอนนี้ก็ยังหาร่างยังไม่เจอ ด้วยความกังวลจึงมาทำพิธีโบล หรือการทำนายเสี่ยงทายตามความเชื่อของคนในหมู่บ้าน ว่าหากร่างของจ่าเริงน้องชายยังอยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ก็ขอให้การค้นหาได้พอเจอร่าง เพื่อนำกลับมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลได้อย่างเร็ววัน

ซึ่งขณะทำพิธีก็ได้มีการเสี่ยงทำนายว่าหากอยู่ในฝั่งไทยก็ขอให้มีดปะหนากกวัดแกว่งไปมา แต่ก็ไม่มีการกวัดแกว่ง แต่พอสอบถามว่าตัวนั้นอยู่ไกลอยู่ในเขตพื้นที่ของกัมพูชาใช่หรือไม่ มีดปะหนากก็เริ่มกวัดแกว่งไปมา จึงทำให้เชื่อได้ว่าร่างของจ่าเริงน้องชาย อาจจะถูกนำตัวไปเก็บซ่อนอยู่ในฝั่งกัมพูชา ส่วนที่ตอนแรกในการทำพิธีที่หมอทรงบอกว่า มันฝืดมันตึงก็เชื่อได้ว่าร่างของจ่าเริงน้องชาย ถูกจับตัวนำไปไว้ในฝั่งของกัมพูชา จึงทำให้การทำพิธีติดๆขัดๆ 

โดยการทำพิธีในครั้งนี้รู้สึกติดขัดกว่าการทำพิธีในทุกครั้ง ที่เคยมีคนมาทำพิธีเกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วย โดยไม่ทราบสาเหตุ และหาสิ่งของที่หายก็จะไม่ยุ่งยากหรือติดๆขัดๆแบบครั้งนี้ ที่ต้องใช้เวลานานเป็นชั่วโมง ซึ่งต่างจากทั่วไปที่ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ก็จะรู้ถึงสาเหตุนั้นแล้ว

พร้อมกันนี้ ญาติพี่น้องของจ่าเริง ยังได้วิงวอนขอให้เพื่อทหารหาญ ได้นำร่างของจ่าเริง น้องชายตนเองกลับมาบ้านเกิด เพื่อมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลตามประเพณีโดยเร็ววัน เพราะทางนี้ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยการกลับมาของน้องชาย ถึงจะมาในสภาพแบบไหน พวกเราก็ยังต้องการให้น้องชายได้กลับมาบ้าน โดยสวัสดิภาพ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top