‘ผบ.ตร.’สั่งตำรวจภูธรภาค 2 ล่า‘แก๊งโจ๋เขมร’ทำคลิปห้าวเป้ง ‘มือระเบิด’อ้างทำไปเพราะทะเลาะคนเขมรกันเอง ยันไม่เกี่ยวข้องกับสงครามชายแดน

จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นชาวกัมพูชา ถ่ายคลิปเชิงใช้ความรุนแรงและท้าทายฝ่ายคู่อริ โดยมีการปาระเบิด ถือมีดดาบ-มีดสปาต้า เหตุเกิดแยกบึงตาต้า ถนนทางหลวงชนบท 3083 (อ.หนองใหญ่-ชลบุรี) ต.หนองเสือช้าง อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี และบานปลายลุกลามไปยังเขตพื้นที่ สภ.ปลวกแดง จ.ระยอง ก่อนมีการนำคลิปลงในโลกโซเชียล จนกลายเป็นกระแสทำให้ประชาชนคนไทยเกิดความโกรธแค้นในพฤติกรรมของกลุ่มชาวกัมพูชากลุ่มนี้ และต่อมาตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี และตำรวจ สภ.หนองใหญ่ สามารถจับกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ 3 คน

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 18 ธ.ค.68 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เดินทางมายัง สภ.นาจอมเทียน จ.ชลบุรี เพื่อทำการสอบปากคำผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ด้วยตนเอง โดยมี พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต..พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี , พล.ต.ต.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.ระยอง , ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี , ตำรวจ สภ.หนองใหญ่ และ หน่วยคอมมานโด กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี คุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน เดินทางจาก สภ.หนองใหญ่ มายัง สภ.นาจอมเทียน เพื่อให้ ผบ.ตร.ทำการสอบสวน

สำหรับผู้ก่อเหตุที่ถูกตำรวจจับกุมตัวได้ทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย นายเคมมาราเมือท อายุ 20 ปี สัญชาติกัมพูชา , นายสะเมยอายุ 21 ปี มือปาระเบิด ถือมีดสปาต้า และเป็นคนนำคลิปลงในโลกโซเชียล และนายพิช อายุ 20 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.)โดย ผบ.ตร. ได้สอบปากคำผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนด้วยตนเอง โดยใช้ประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการปรากฏในสื่อโซเชียล เกี่ยวกับพฤติกรรมแรงงานชาวกัมพูชา เบื้องต้นยืนยันว่ามีการจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว 3 คน และยังเหลืออีก 8 คน ที่ปรากฏในคลิป ในขณะนี้อยู่ในระหว่างการขยายผล และพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่าเป็นใคร และได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 2 เร่งติดตามกลุ่มชาวกัมพูชา รวมถึงคนไทย ที่ปรากฏในคลิปมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนสาเหตุจูงใจในครั้งนี้จากแนวทางการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุที่สามารถจับกุมตัวได้ เป็นแรงงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งใน อ.ปลวกแดง จ.ระยอง และเกิดมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชาด้วยกันเอง ซึ่งทำงานอยู่ที่โรงงานอีกแห่งหนึ่ง ก่อนจะมีการท้าทายกันไปมา จนเป็นที่มาของการรวมกลุ่มกันมาก่อเหตุดังกล่าว

“จากแนวทางการสอบสวนยืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งส่วนตัวของแรงงานชาวกัมพูชาด้วยกันเอง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การสู้รบในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา เบื้องต้นผู้ก่อเหตุทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.วัตถุระเบิด โดยร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง โดยผิดกฎหมาย และ สร้างความเดือดร้อนรำคาญ” ผบ.ตร. กล่าว

ด้าน นางเกิด นวล อายุ 50 ปี ชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นแม่ของ นายสะเมย อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นหัวโจกที่ปรากฏในคลิป เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ลูกชายเดินทางมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่อายุ 15 ปี ปัจจุบันลูกชายทำงานอยู่ที่โรงงานเดียวกันกับตนเอง ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจกับพฤติกรรมของลูกชาย ที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนเชื่อฟังตนเองมาโดยตลอด ซึ่งตนคอยเตือนลูกชายห้ามออกไปทำในสิ่งที่ไม่ดี แต่ไม่คิดว่าลูกชายจะมาก่อเหตุในลักษณะแบบนี้ หลังลูกชายไปก่อเหตุมาก็ไม่ได้นำเรื่องราวมาเล่าให้ตนเองฟัง จนกระทั่งมีตำรวจมาตามถึงบ้าน ภายหลังตนเองเห็นคลิปยอมรับว่าช็อกมากและเสียใจ อีกทั้งยืนยันว่าสิ่งที่ลูกชายทำไปไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนไทย แต่เป็นการทะเลาะกันเองของเพื่อนร่วมชาติที่ทำงานอยู่ใน จ.ชลบุรี ส่วนตนมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยนานกว่า 25 ปี รู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องของสถานการณ์ชายแดนในฐานะคนกัมพูชา ก็อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายคืนดีกันโดยเร็วที่สุด