ผบ.ตร.ลงดาบ  สั่งฟันผู้การเมืองคอน  อย่าเหมารวมทั้งองค์กร

ผบ.ตร.ลงดาบ สั่งฟันผู้การเมืองคอน อย่าเหมารวมทั้งองค์กร

วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ผบ.ตร.สั่งเด้ง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ยันสอบปมคลิปเสียงเรียกรับผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม หากพบความผิด พร้อมฟันวินัย-อาญา วอนอย่าเหมารวมองค์กร ด้าน ผกก.สภ.ฉวางแจงปมคลิปเสียงตำรวจ ยันไม่แน่ชัดว่าเป็นใคร คาดอาจมีการใช้ AI สร้างขึ้นได้

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงสนทนาเรียกระดับผลประโยชน์ ระหว่างนายตำรวจระดับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครศรีธรรมราช กับตำรวจในสังกัด ว่าขณะนี้ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ นุ่นเกลี้ยง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เข้ามาช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือศปก.ตร.แล้ว โดยขาดจากตำแหน่งเดิม หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง พร้อมมอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด รวมทั้งให้กองวินัยดำเนินการเรื่องระเบียบข้าราชการตำรวจ


ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า จากที่ได้ฟังคลิปเสียงทั้งหมดเชื่อว่าเป็นผู้บังคับการจังหวัด แต่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ โดยกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) รวมทั้งตรวจสอบบุคคลที่อยู่ในเสียงสนทนาทั้งหมด เบื้องต้นพบว่ามีตำรวจ 3 นาย ส่วนจะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐาน โดยขณะนี้ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ตรวจสอบควบคู่กันไปว่ามีนายตำรวจที่มีชั้นยศต่ำกว่าผู้บังคับการจังหวัด ลงมาเกี่ยวข้องหรือไม่ หากพบก็สามารถดำเนินการทางวินัย

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้หากพบว่าผลการตรวจสอบมีความผิด ทั้งระดับท้องที่และส่วนกลาง จเรตำรวจฯ ก็จะพิจารณาตั้งแต่ระดับ รอง ผบก.-ผบช.เรื่องนี้ด้วย เพราะตนเน้นย้ำมาตลอดและจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล เพราะในองค์กร ย่อมมีคนที่ประพฤติไม่ดี จึงอยากให้มองเป็นตัวบุคคล อย่าเหมารวมตำรวจทั้งหมด

“การตรวจสอบคลิปเสียงที่ ผกก.สภ.ฉวาง อ้างว่าเป็นเสียง AI นั้น เรื่องดังกล่าวไม่ยากที่จะตรวจสอบ แม้เป็นคนร้ายที่ยิงกัน ตำรวจยังพิสูจน์และจับกุมตัวได้ ยืนยันจะทำอย่างตรงไปตรงมา” ผบ.ตร.กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าชุดเฉพาะกิจของพื้นที่เป็นคนของผู้บังคับการจังหวัด มีอำนาจเต็มในการเรียกรับผลประโยชน์นั้น เรื่องดังกล่าวจะต้องตรวจสอบ เพราะชุดเฉพาะกิจได้รับมอบหมายและทำงานตามนโยบาย แต่ในส่วนที่เป็นชุดเฉพาะกิจนอกแถว จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นทางอาญาหรือวินัย หากมีหลักฐานว่ากระทำความผิดจริง ส่วนจะมีการยกเลิกชุดเฉพาะกิจหรือไม่ จะต้องมีการพิจารณา เพราะชุดเฉพาะกิจยังมีประโยชน์มาก หากยกเลิกก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อหน้างานที่จำเป็นได้

ขณะเดียวกัน ทาง สภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ได้ออกเอกสารข่าว ชี้แจงว่ากรณีพบข่าวในสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก เพจ ‘พระจันทร์ลายกระต่าย V5’ มีรายละเอียดภาพ พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ พร้อมข้อความว่า ‘หน้าเสื่อฉวาง นายร้อย 53 หมูไม่กลัวน้ำร้อน นายพลก็นายพลเหอะ ปิดจ๊อบอีก 1 นายพล

จากที่มรึงได้กรูก็ได้ ตอนนี้กลายเป็นกรูตาย มรึงก็ต้องตาย มังกรพลัดถิ่น หรือจะสู้งูดินเจ้าที่’ และมีเสียงชาย 2 คน สนทนากันความยาวประมาณ 1.52 นาที ประกอบข่าว โดย พ.ต.อ.ภูวศิษฐ์ วังแก้ว ผกก.สภ.ฉวาง ชี้แจงว่า ด้วยวันที่ 21 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 15.40 น.ได้ตรวจพบข่าวดังกล่าว แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถยืนยันว่าเสียงที่ปรากฎในบทสนทนา เป็นเสียงของบุคคลใดที่เกิดขึ้นจริง จึงอาจจะเกิดจากการสร้างบทสนทนาผ่านเสียงพูด หรืออาจเกิดจากการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI สร้างขึ้นได้ ขณะนี้ยังไม่ทราบแหล่งที่มาของเสียงในการสนทนา ว่าเป็นของผู้ใด ทั้งข่าวที่เกิดขึ้นนี้ กระทำโดยไม่ทราบว่ามีจุดมุ่งหมายใด ซึ่งจะได้ทำการตรวจสอบต่อไป

อนึ่งสภ.ฉวางได้มีผลการกวดขันการจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย และมีผลปฏิบัติการจับกุมอย่างเป็นรูปธรรม เป็นไปตามตัวชี้วัด กรณีมีเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ สามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 191 หรือ สภ.ฉวาง โทร.075-481177

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top