วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
วันนี้ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรชาติ ธีรชาติธำรง ผบก.ปพ., พ.ต.อ.สุรพันธ์ มั่นคงดี พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ปันไชย รอง ผบก.ปพ., พ.ต.อ.อภิชน ขันกา ผกก.4 บก.ปพ., พ.ต.ท.เสรี บุญยะรัตน์, พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.4 บก.ปพ., เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ไพบูลย์ พิมพ์กำเนิด สว.กก.4 บก.ปพ., ส.ต.อ.ทิวา นาหมื่น, ส.ต.ท.สกลเกียรติ มากคิด, ส.ต.ท.จตุรพล กำปั่น, ส.ต.ท.ธราธร บุญมี, ส.ต.ท.ชิตณรงค์ มงคลชัย, ส.ต.ต.พุทธลักษณ์ ชมภูวงษ์ ผบ.หมู่ กก.4 บก.ปพ. ร่วมกันจับกุม นายเศรษฐพงศ์ฯ หรือต้าร์ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ จ.91/2568 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 กระทำความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ,เป็นผู้สนับสนุนผู้กระทำความผิดฐานโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”
สถานที่จับกุม บริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ขณะที่ผู้แจ้งฯ อยู่ที่ร้านไส้ย่าง ในอำเภอแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีโทรศัพท์โทรเข้ามายังเบอร์ของผู้แจ้งฯ สอบถามผู้แจ้งฯว่า สนใจดูวิดีโอและส่งสติ๊กเกอร์มีรายได้ 300 บาท ต่อวัน หากผู้แจ้งฯสนใจให้แอดไลน์ไป ผู้แจ้งฯหลงเชื่อจึงได้แอดไลน์ ไปติดต่อพูดคุยกับผู้ใช้ไลน์ชื่อว่า “ผู้สอนงานการต์ธิดา” ต่อมาได้รับแจ้งให้ดูวิดีโอ ตั้งแต่เวลา 10.40 – 11.40 น. เป็นรายได้พิเศษและให้ผู้แจ้งฯ โอนเงินครั้งแรกจำนวน 100 บาท ผู้แจ้งหลงเชื่อจึงโอนเงินไปให้จำนวน 5 ครั้ง แต่ไม่ได้เงินกลับคืนมา จึงรู้ตัวว่าโดนหลอก จึงมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีดังกล่าวตามกฎหมายต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด กระทั่งพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมขอศาลออกหมายจับไว้ดังกล่าว
.jpg)
ต่อมาตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากว่า นายเศรษฐพงศ์ หรือต้าร์ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาได้มาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ย่านกำแพงเพชร แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ก่อนจะพบตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงบัตรข้าราชการตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบ สอบถามผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับรายชื่อบุคคลในหมายจับจริงและยังไม่เคยถูกจับกุมในคดีดังกล่าวมาก่อน โดยผู้ต้องหาดูอย่างละเอียดจนทราบและเข้าใจดีแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหามายัง บก.ปพ.จัดทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่งไปยัง สถานีตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธ โดยบอกว่าเมื่อช่วงประมาณปลายปี 2566 ผู้ต้องหาได้เห็นเพจเฟซบุ๊กเปิดรับสมัครแอดมินทำงานเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ในฝั่งประเทศกัมพูชา รู้สึกสนใจจึงได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ในเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว ต่อมาได้มีคนไทยติดต่อกลับมาและนัดกันที่ด่านอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อถึงกำหนดนัด ได้ไปยังจุดนัดพบ และได้พบกับชายไทย 1 คน กับชาวกัมพูชา 2 คน ที่ด่านอรัญประเทศ ซึ่งตนได้ถูกยึดพาสปอร์ตกับบัตรประชาชนไว้ หลังจากนั้นได้พาไปออฟฟิศ ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด มีหัวหน้าใหญ่เป็นคนจีน ลูกน้องอื่นๆจะเป็นคนกัมพูชาและคนไทย โดยตนได้ถูกให้เปิดบัญชีธนาคารให้ เมื่อเสร็จให้กลับไปยังที่พัก เชื่อว่าน่าจะถูกหลอกให้มาทำคอลเซ็นเตอร์มากกว่าที่จะมาเป็นแอดมิน เมื่อต้องไปต่อพาสปอร์ตครั้งที่ 2 ผู้ต้องหาจึงได้หนีกลับยังประเทศไทย และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในที่สุด
.jpg)
เตือนภัย การถูกหลอกไปเปิดบัญชีธนาคารในพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดหา "บัญชีม้า" เพื่อใช้ในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ กลโกงที่มักใช้ล่อลวง หลอกไปทำงานรายได้ดี ชักชวนผ่านโซเชียลมีเดียว่ามีงานแอดมินหรืองานกาสิโนในปอยเปตที่รายได้สูง บังคับสแกนใบหน้า เมื่อไปถึงจะถูกกักขังและบังคับให้เปิดบัญชี พร้อมสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันการโอนเงินจำนวนมาก หนี้สินและการทำร้ายร่างกาย หากไม่ยอมทำตามจะถูกทำร้ายร่างกาย หรือถูกบังคับให้เป็นหนี้เพื่อไม่ให้หลบหนีได้
ผู้ที่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีหรือไปสแกนหน้าให้มิจฉาชีพ มีความผิดตามกฎหมายไทย โทษจะมีอัตราโทษที่หนัก พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566: โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาหนัก "ม้ากระโดดข้ามแดน" อาจถูกดำเนินคดีฐาน "มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ" ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี
.jpg)
ข้อควรปฏิบัติหากถูกหลอก
-แจ้งความออนไลน์ทันที หากสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ให้แจ้งเหตุผ่าน เว็บไซต์ ThaiPoliceOnline ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือโทรสายด่วน 1441
-อายัดบัญชี ติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีทันทีเพื่อขออายัดบัญชีทั้งหมดเพื่อระงับความเสียหาย
-ติดต่อขอความช่วยเหลือในต่างแดน หากยังติดอยู่ในกัมพูชา ให้พยายามติดต่อสถานทูตไทยหรือหน่วยงานบรรเทาทุกข์ เช่น มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อประสานงานช่วยเหลือส่งกลับประเทศ
-เตรียมหลักฐาน เก็บข้อมูลแชทที่ถูกล่อลวง รูปภาพสถานที่ หรือข้อมูลผู้ที่ชักชวนไว้เป็นหลักฐาน
ข้อเตือนใจ อย่าหลงเชื่อบุคคลที่รู้จักผ่านโซเชียลหรือคนใกล้ชิดที่ชักชวนไปทำงานชายแดนที่มีรายได้สูงเกินจริง เพราะนอกจากจะเสียสิทธิทางการเงินแล้ว ยังเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีอาญาเมื่อกลับเข้าประเทศไทย
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ไพบูลย์ พิมพ์กำเนิด สว.กก.4 บก.ปพ. โทร.085-9055967
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้นสำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี