โดยธรรมชาติของผู้สูงอายุที่คนสูงวัยยากจะหลีกเลี่ยงได้คงหนีไม่พ้นปัญหาในเรื่องของความจำที่แย่ลง ความเครียด เหงา เศร้า ซึม ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุทั้งโลก ด้วยเหตุนี้นักวิจัยทั้งหลายจึงพยายามที่จะค้นหาหนทางในการบรรเทาปัญหาเหล่านี้
นายพัฒนา สุขเกษม หรือครูเอ็ดครูสอน อังกะลุงในจังหวัดพะเยา เล่าให้ฟังว่า เคยได้ยินบรรดาแพทย์ชื่อดังบอกว่า “ดนตรี” จะช่วยบรรเทาอาการของสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้ ด้วยเหตุนี้เองตนจึงได้เปิดแนะนำการเล่นอังกะลุงให้กับผู้สูงอายุในจ.พะเยาขึ้น โดยทำมาแล้วกว่า 8 ปี เรียกว่า โฮงเฮียนผู้สูงอายุพะเยา ด้วยการเปิดสอน อังกะลุง ตามที่เคยเห็น สมเด็จพระเทพฯ มีพระนิพนธ์ไว้ตอนหนึ่งว่า “เครื่องดนตรีที่เหมาะในการพัฒนาสมองสำหรับเด็ก คือ อังกะลุง” ตนจึงเชื่อว่าน่าจะเกิดประโยชน์เช่นเดียวกับผู้สูงอายุเช่นกัน ซึ่งเปิดรับผู้สูงอายุมาเรียนอังกะลุง โดยเปิดรับปีละ 300 คน สอนห้องละ40-50 คน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และปัจจุบันมีการขยายไปสอนแนะนำในทุกอำเภอของจ.พะเยา ด้วย ทั้งมีการสร้างวิทยากรและของบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ในการจัดซื้อเครื่องดนตรีให้ทุกอำเภอ
ครูเอ็ด เล่าถึงจุดเริ่มต้นให้ฟัง ว่า เมื่อปี 2551 ตนจะเกษียณอายุราชการครู จึงมองหาแนวทางว่าหลังเกษียณจะสามารถทำประโยชน์ใดให้กับสังคมส่วนรวมได้บ้าง นั่งพิจารณาตนเองพบว่ามีความสามารถเรื่องศิลปะและดนตรี จากนั้นจึงค้นคว้าข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผู้สูงอายุโดยเฉพาะปัญหาที่เกิดกับคนสูงวัยและความต้องการ ซึ่งส่วนตัวสนใจอย่างมาเกี่ยวกับภาวะทางจิตใจ เพราะมีสถิติระบุว่า ผู้สูงอายุในภาคเหนือมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในประเทศ บวกกับแพทย์บอกสมองเสื่อมเพิ่มอย่างรวดเร็วและดนตรีช่วยได้
สรุปได้ว่าการตอบโจทย์ที่จะทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุมีชีวิตชีวา ไม่เครียด เหงา เศร้าซึมและชะลอสมองเสื่อม “ดนตรี” จะช่วยได้ โดยการสอนอังกะลุงให้กับผู้สูงอายุนั้น ตนได้มีการพัฒนาทั้งในเรื่องของการออกแบบเครื่องดนตรีใหม่ให้สามารถเล่นได้ง่ายๆ ใช้ตัวเลข 1-5 แทนโน้ตและชี้นิ้วให้เล่น ซึ่งผู้สูงอายุจะใช้ระบบจ้องว่าเมื่อไหร่ที่ตนจะต้องเล่น ทดลองสอนใน 2 ศูนย์ผู้สูงอายุของจ.พะเยา แต่ตอบโจทย์เพียงเรื่องการไม่เครียด ไม่เหงา ไม่เศร้า ไม่ซึมเท่านั้น แต่ไม่ตอบโจทย์เรื่องการพัฒนาสมอง
มีการพัฒนาใหม่โดยใช้ “สัญลักษณ์มือ”ในการกำกับการเล่นและใช้ “สี” แปะติดที่เครื่องดนตรีแทนตัวโน้ต เพราะผู้สูงอายุมีความจำที่สั้นลงจะให้จำโน้ตทั้งหมดไม่ได้ โดยโน้ตมี 7 ตัว จึงใช้สีประจำ 7 วัน เช่น สีแดง สีเหลือง สีฟ้า สีชมพู เป็นต้น นำไปทดลองใช้กับนักเรียนป.4 และมัธยมฯ ได้รับคำตอบจากเด็กๆ ว่า วิธีนี้ดีกว่าแบบเดิม เพราะทำให้มีสมาธิ ลดการจ้องและสมองได้ทำงานจากการจดจำสัญลักษณ์มือจากผู้ควบคุมวงมือแบบไหนผู้ที่ถือโน้ตตัวใดต้องเล่น
“เมื่อนำมาใช้กับผู้สูงอายุ ปรากฏว่าแต่ละท่านชอบมาก มีความสุข บางท่านถึงกับเข้ามากอดขอบคุณ ซึ่งการแนะนำให้ผู้สูงอายุเล่นอังกะลุงเป็นด้วยวิธีนี้ นอกจากลดความเครียด เหงา เศร้า ซึมและพัฒนาสมองแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นการทำหน้าที่ในสังคมกลุ่มด้วย เพราะการเล่นอังกะลุงจะต้องเล่นเป็นวง” ครูเอ็ดกล่าวอย่างภาคภูมิ
จนถึงปี 2553 ครูเอ็ด จึงพัฒนาเครื่องดนตรี อีกชนิดคือ “ขลุ่ย” ที่มีขนาดเล็ก และมีการออกแบบให้ 1 เลา มีโน้ตตัวเดียว ใช้สีบอกตัวโน้ต และสัญลักษณ์มือกำกับการเล่นเช่นเดียวกันทำให้เกิดความสะดวกในการพกพามากขึ้นและเกิดประโยชน์ต่อสุขภาพผู้สูงอายุเพิ่มเติมในเรื่องการขยายปอด โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาปอดอุดกั้นเรื้อรัง
และในปี 2555 ครูเอ็ด มีแรงบันดาลใจจากการที่ฝันถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านรับสั่งในฝันว่า ให้คิดใช้ขยะจากน้ำท่วมมาทำเป็นเครื่องดนตรี” ครูเอ็ดจึงเก็บเอาเรื่องในความฝันมาคิดจนวันหนึ่งขณะสระผมเห็นขวดน้ำยาสระผมหมดและบีบๆ แล้วขวดมันเด้งกลับ จึงนำขวดนี้มาต่อเข้าที่ปลายขลุ่ยเกิดเป็นเครื่องดนตรีจากขยะ ขณะที่ผู้ที่ได้เล่นได้ประโยชน์เพิ่มเติมเพราะได้บริหารกล้ามเนื้อมัดเล็กและนิ้วมือด้วยกลายเป็น “เครื่องดนตรีตามรอยพ่อ”
ปัจจุบันเครื่องดนตรีตามรอยพ่อของครูเอ็ด มีแล้ว 14 ชิ้น เช่น ซึง ซึ่งนำกล่องขนมคุกกี้ที่มีลักษณะกลมมาใช้เป็นโอ่งออกแบบแล้วขอให้ช่างที่จ.เชียงใหม่ทำให้ในราคาเพียง 300 บาท ซึ่งปกติทั่วไปขนาดเท่ากันนี้น่าจะราคา 1,400 บาท
อนาคต ครูเอ็ด ตั้งใจที่จะเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้เครื่องดนตรีตามรอยพ่อ และการตั้งโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาวะผู้สูงวัย หรือโรงเรียน สสส. เพื่อเน้นในการสร้างสุขภาวะให้กับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ เพื่อให้การเล่นดนตรีของผู้สูงอายุ เกิดผลด้านสุขภาพอย่างมากทั้งกายและใจ สร้างความสุขทางกายใจและได้พัฒนาสมอง ฝึกสมาธิ ซึ่งปัจจุบัน ครูเอ็ดยืนยันว่า มีลูกหลานที่ปู่ย่าตายายมาเล่นดนตรีทำให้เกิดความจำดีขึ้น จากที่ลืมกินยาบ่อยๆก็ลืมน้อยลง…และทั้งหมดนี้คือความสำเร็จของครูเอ็ด “นายพัฒนา สุขเกษม” แห่งโรงเรียนผู้สูงอายุพะเยา
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี