7 ปีเต็มๆ ที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย และภาคีเครื่องข่ายจัดงานวิ่งทั่วประเทศ ได้ผนึกกำลังขับเคลื่อนงานวิ่งและกระตุ้นให้คนไทยหันมาออกกำลังกาย จนเกิดกระแสการวิ่งและนักวิ่งหน้าใหม่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมสุขภาพต่างๆ ด้วยตระหนักดีว่า“โลกสดใส ก็เพราะหัวใจที่สุขสันต์”
จึงทำให้มีการยอมรับกันไปถ้วนหน้าว่า “ร่างกายที่แข็งแรงต้องเคลื่อนไหว แต่จิตใจที่แข็งแกร่งต้องนิ่ง”ดังนั้น “องค์ความรู้” ทางจิตใจ และสุขภาพ กับเรื่องวิ่งจึงนับเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ออก ที่นักวิ่งจะต้องมีความรู้ เพื่อทำให้การวิ่งมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญไม่เกิดอาการบาดเจ็บ ล่าสุดจึงเกิดงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “10 สัปดาห์...วิ่ง...สู่ชีวิตใหม่” ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ขึ้น
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วมผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. ให้ข้อมูล ว่า จากเดิมมีนักวิ่งประมาณ 5 ล้านคน จนปัจจุบันเพิ่มเป็น 15 ล้านคน และมีงานวิ่งเกิดขึ้นมากถึง 900 งานต่อปี จากเดิมเพียง 200 งานต่อปี เท่านั้น
“การวิ่ง” ถือเป็น “กิจกรรมทางกาย” ที่หมายถึงการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้ออกแรง และไม่อยู่นิ่งนานๆ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) วัดการมีกิจกรรมทางกายของคนไทย พบว่า คนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอในระดับ 73% ซึ่งนับเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึง 3% เป็นการจุดประกายจากตัวเองสู่คนอื่นที่เห็นผลอย่างทันตาดังปาฏิหาริย์ และ งาน “10 สัปดาห์...วิ่ง...สู่ชีวิตใหม่” จึงเป็นการยกระดับงานวิ่งของประเทศไทยให้ไปสู่ระดับโลกอย่างมีมาตรฐาน นั่นเอง
จากข้อมูลทางวิชาการ ระบุว่า การวิ่งให้มีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่การก้มหน้าก้มตาวิ่ง แต่นักวิ่งต้องมีการพัฒนาร่างกายทั้งความแข็งแรงของหัวใจ รวมถึงกล้ามเนื้อต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ในงานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ หรือ Thaihealth Day Run 2018 ในปีนี้จึงเกิด “คลินิกการวิ่ง” เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายของนักวิ่งหน้าใหม่สู่สนามวิ่ง ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2561 ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ
ผศ.ดร.สุชาติ ทวีพรปฐมกุลผู้อำนวยการศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. ได้จัดทำคู่มือเตรียมความพร้อม 10 สัปดาห์...วิ่ง...สู่ชีวิตใหม่ หรือ Passport Run สำหรับนักวิ่ง โดยมีองค์ความรู้ทั้งเรื่องการป้องกันการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย ข้อควรระวัง ประโยชน์ของการออกกำลังกาย การยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างถูกต้อง โภชนาการสำหรับนักวิ่ง วิธีคิดอัตราการเต้นของหัวใจ รวมไปถึงโปรแกรมแนะนำสำหรับคนเริ่มวิ่ง เพื่อให้นักวิ่งหน้าใหม่ลงสนามวิ่ง อย่างถูกหลักถูกวิธี เพื่อให้นักวิ่งปลอดภัยจากการออกกำลังกายและสามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. และคณบดี คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าให้ฟังว่า ร่างกายเปลี่ยน DNA ต้องใช้เวลากว่าหมื่นปี แต่ความทันสมัยของเทคโนโลยีที่เข้ามาในระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ร่างกายของมนุษย์เปลี่ยนเร็วมากซึ่งก่อให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งมีหลายโรค ที่เกิดขึ้นจากการไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย หรือไม่มีกิจกรรมทางกาย
รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก อธิบายเพิ่มเติมให้ทราบว่า แม้ว่า DNA ที่ส่งต่อทางพันธุกรรมจากบรรพบุรุษมาถึงเราจะมีผลต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง แต่หากเราดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารตามหลักโภชนาการก็ทำให้เราห่างไกลจากโรคต่างๆ ได้ อย่างเช่น “โรคอ้วนลงพุง” ที่คร่าชีวิตคนไทยถึง 3 แสนคน/ปี เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการออกกำลังกาย หรือมีกิจกรรมทางกายเท่านั้น เพื่อลดไขมันในช่องท้อง เมื่อลดพุงลงได้ก็เท่ากับว่าลดโรคไปถึง 6 โรค และไม่มียาวิเศษใดๆ เหมือนกับการออกกำลังกายที่สามารถป้องกัน รักษา และฟื้นฟูร่างกายเราได้ เราเพียงแค่ให้กิจกรรมทางกายซึมลงในวิถีชีวิตประจำวันของเรา โดยทำที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้
สำหรับงานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ (ThaihealthDay Run 2018) จะเปิดพื้นที่ต้อนรับนักวิ่งหน้าใหม่ และนักวิ่งทั่วไปได้ร่วมแสดงพลังกายที่แข็งแกร่งร่วมกัน โดยจะเปิดรับสมัครเร็วๆ นี้ สามารถติดตามรายละเอียดการสมัครวิ่งได้ที่ เฟซบุ๊ควิ่งสู่ชีวิตใหม่ (https://www.facebook.com/runfornewlife/) และ www.thaijogging.org
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี